ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/215031
นับเป็นประเด็นเผือกร้อนสำหรับแนวคิดของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มี นายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธานที่เปิดประเด็นกรอบแนวคิดพักโทษแกนนำทุกสีทุกกลุ่มที่ถูกดำเนินคดีในเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความปรองดอง
นายเสรี อธิบายแนวคิดเบื้องต้นการสร้างความปรองดองสูตร สปท.ว่ามี 2 ระดับ คือ 1.การแก้ปัญหาโดยใช้นโยบายรัฐเช่น ใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวถอนฟ้องคดีความผิดเล็กๆ น้อยๆ หรือมีเจตนาไม่ร้ายแรง 2.การแก้ปัญหาด้วยกฎหมาย โดยออก เป็นพ.ร.บ.หรือพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) รอการกำหนดโทษเพื่อความปรองดองโดยให้คดีเหตุการณ์ความรุนแรงทั้งหลายสิ้นสุดลงทันที โดยไม่ต้องตัดสินหรือฟังคำพิพากษา เช่น คดีบุกยึดสถานที่ราชการ การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ หรือสี่แยกต่างๆ ที่เกิดจากอุดมการณ์ต่อสู้ทางการเมือง แต่จะไม่รวมถึงคดีทุจริต คดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา และการวางเพลิงเผาทรัพย์
ส่วนเงื่อนไขการรอการกำหนดโทษต้องสารภาพว่าตัวเองกระทำผิดในชั้นศาลก่อนและเมื่อรอการกำหนดโทษแล้วไม่ให้กลับมากระทำผิดอีก เช่น ห้ามเคลื่อนไหวปลุกปั่นหรือชุมนุมทางการเมืองไปตลอดชีวิต มิฉะนั้นอาจถูกตัดสิทธิการรอการกำหนดรับโทษ
นายเสรี กล่าวว่า จะชงแนวคิดของคณะกรรมาธิการไปถึง นายวิษณุ เครืองามรองนายกฯเพื่อผลักดันให้มีผลบังคับใช้ภายใน 3 เดือนก่อน สปท.จะหมดวาระและก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
ในทันทีที่ นายเสรี เสนอแนวคิดเกิดปฏิกิริยาตอบโต้ทันควันจาก นายจตุพรพรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มเสื้อแดง ที่ออกมาดักคอข้อสังเกตว่า กำลังมีความพยายามออกกฎหมายเพื่อช่วยกลุ่มเสื้อเหลืองโดยเฉพาะมีการพูดถึงการไม่เอาผิดกับการยึดสนามบิน ทั้งนี้ นายจตุพร ส่งสัญญาณเตือนว่าหากจะสร้างความปรองดองต้องทำอย่างเท่าเทียม ซึ่งแนวคิดเรื่องการรอการลงโทษยังไม่ชัดเจนต้องดูกันต่อไป
ขณะที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ขัดข้องที่จะมีการนิรโทษกรรมให้กับประชาชนทุกสีที่มาร่วมชุมนุม แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมายคนที่ทุจริต หรือแกนนำที่เผาบ้านทำลายเมืองต้องถูกลงโทษซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ย้ำมาตลอดให้ยึดหลักกฎหมาย เพราะฉะนั้นคดีที่เกิดขึ้นควรให้ศาลตัดสิน ส่วนเมื่อศาลตัดสินแล้วจะนิรโทษกรรมอย่างไรค่อยมาว่ากันซึ่งสังคมยอมรับได้ แต่อยู่ๆจะมาถอนฟ้องหรือพักโทษตามใจชอบคงไม่ใช่หลักนิติรัฐนิติธรรม
จากแนวคิดการพักโทษคนทุกสีทุกกลุ่มจึงเป็นเรื่องอ่อนไหว ซึ่งคงต้องรอดูรายละเอียดแนวคิดของ สปท.ที่ชัดเจนอย่างเป็นทางการต่อไป
แต่ประเด็นสำคัญที่ยังเป็นคำถามก็คือ หากการพักโทษคนทุกสีโดยไม่รวมถึงนักโทษชายแม้วซึ่งเป็นนักโทษหนีคุกคดีทุจริต นักโทษชายแม้วจะยอมรับหรือไม่ เพราะที่ผ่านมานักโทษชายแม้วแสดงจุดยืนชัดเจนแล้วว่า หากตัวเองไม่ได้ประโยชน์ไม่เอาด้วยเด็ดขาด ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นมาแล้วยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มีการเสนอพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนทุกสีที่ร่วมชุมนุมทางการเมือง แต่นักโทษชายแม้วสั่งล้มแล้วผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยที่มีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อให้ลบล้างโทษความผิดให้ตัวเองเพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุกจนเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนหลายล้านคนออกมาแสดงพลังต่อต้านและขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มาแล้ว
ทีมข่าวการเมือง