ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/216851
เครือข่ายระบอบทักษิณยังคงเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องด้วยแผนขุดบ่อล่อปลาโดยใช้บรรดาแกนนำทั้งพรรคเพื่อไทย กลุ่มเสื้อแดง เครือข่ายนักวิชาการและนักศึกษาสายเสื้อแดงพวกขาประจำหน้าเดิมๆ ออกมาเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ยั่วยุท้าทายอำนาจรัฐอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ หวังอาศัยการจับกุมดำเนินเครือข่ายระบอบทักษิณของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาลเป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมในการชักศึกเข้าบ้านฟ้องไปยังองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศรวมทั้งชาติมหาอำนาจที่ให้ท้ายระบอบทักษิณโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเพื่อสุมไฟบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.
แกนนำเครือข่ายระบอบทักษิณที่เป็นตัวชูโรงขาประจำในการเคลื่อนไหวยั่วยุท้าทายคสช. แบบดับเครื่องชน ประกอบด้วย กลุ่มอดีตสส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข นายวรชัย เหมะ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส่วนแกนนำเสื้อแดงขาประจำ อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง ซึ่งนอกจากออกมาโจมตีคสช.แล้ว ยังมีการจ้างเครือข่ายบ่อนทำลายคสช.ทางโซเชียลมีเดีย และที่สำคัญมีการเดินเกมยั่วยุท้าทายเหิมเกริมถึงขั้นหมิ่นเบื้องสูงจนมีการจับกุม 8 มือเพจทางโซเชียลมีเดียก่อนหน้านี้ รวมทั้งดำเนินคดีกับ น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ แม่ของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” แกนนำนักศึกษาป่วนเมืองขาประจำ ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูงอันเป็นความผิดตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา
การยั่วยุท้าทายให้คสช.นำตัวไปปรับทัศนคติในค่ายทหารหรือจับกุมดำเนินคดีเป็นแผนขุดบ่อล่อปลาเพื่อใช้เป็นข้ออ้างที่เครือข่ายระบอบทักษิณนำไปใช้เป็นเครื่องมือสุมไฟตามแผนโลกล้อมไทยด้วยการร้องเรียนว่าอำนาจรัฐไทยยุคคสช.มีการคุกคามสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยหวังให้นานาชาติ บอยคอตต์คสช.และรัฐบาลไทย
ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาก็คือท่าทีของมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาโดยก่อนหน้านี้ นางแคทรีนา อดัมส์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐด้านเอเชียตะวันออก ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติแสดงความวิตกต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยโดยเฉพาะการดำเนินคดีกับ น.ส.พัฒน์นรี ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง
ตามด้วย นายเกล็น ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย แสดงความเหิมเกริมแทรกแซงกิจการภายในของไทยด้วยการอ่านคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐต่อหน้าสื่อมวลชน และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ โดยแสดงความวิตกเป็นอย่างมากต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและจำกัดสิทธิเสรีภาพของไทย โดยชี้ว่าการจับกุมนักเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยทางการไทยเป็นการไม่เคารพเสรีภาพการแสดงออกและสร้างบรรยากาศแห่งการข่มขู่
ท่าทีของทางการสหรัฐฯสะท้อนถึงความอหังการในฐานะมหาอำนาจและส่อเจตนาให้ท้ายระบอบทักษิณและขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงของไทยโดยอ้างสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพบังหน้าทั้งๆ ที่สหรัฐถูกมองว่าคือมหาอำนาจจอมอันธพาลที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนเลวร้ายมากกว่าชาติไหนในโลก
นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตนักการทูตอาวุโส และนักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ บางท่านวิจารณ์พฤติกรรมของเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยว่าแสดงกิริยาไร้มารยาทเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ถึงกับเสนอให้ไทยขับทูตสหรัฐผู้นี้
ด้าน พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคสช. ออกมาตอบโต้สหรัฐว่าควรพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านโดยเฉพาะการดำเนินคดีกับแม่ของจ่านิวไม่ใช่เรื่องทางการเมือง แต่เป็นการทำผิดกฎหมายอาญาฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูงซึ่งมีหลักฐานชัดเจน อีกทั้งสหรัฐต้องตระหนักด้วยว่าสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนนั้นต้องอยู่ภายใต้กฎหมายซึ่งทุกประเทศล้วนปฏิบัติไม่แตกต่างกัน
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม แสดงท่าทีไม่พอใจต่อต่างชาติที่ให้ท้ายขบวนการหมิ่นเบื้องสูงของไทยโดยอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชนบังหน้า โดยย้ำว่าการดำเนินคดีกับพวกหมิ่นเบื้องสูงอยู่ภายใต้กฎหมายไทย อีกทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยกับคนไทยมีความผูกพันกันอย่างลึกซึ้งซึ่งชาติอื่นๆ ไม่มีเหมือนไทยเพราะไร้อารยะ โดย พล.อ.ไพบูลย์ ย้ำว่า “ไปบอกเขาด้วยว่าเราไม่ได้กลัวอะไรต่างชาติ เขามีกฎหมายป้องกันผู้นำประเทศเขา เราก็มีกฎหมายป้องกันพระเจ้าอยู่หัวของเราเหมือนกัน”
เพราะฉะนั้นจากนี้ไปคงต้องจับตาที่ประชุมใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งเชื่อว่าจะมีการหยิบยกปัญหาสิทธิมนุษยชนของไทยขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ และที่สำคัญคือท่าทีของทางการสหรัฐภายใต้การสุมไฟชักศึกเข้าบ้านของขบวนการระบอบทักษิณที่คาดว่าจะสร้างสถานการณ์ยั่วยุท้าทายและร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ทีมข่าวการเมือง