ระบอบทักษิณโหมป่วน ทดสอบพลังสุมไฟประชามติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/220223

วันอาทิตย์ ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ขณะที่การลงประชามติร่างรัฐธรรรมนูญฉบับใหม่ในวันที่ 7 ส.ค. กำลังเดินไปข้างหน้าตามโรดแมปก็เจอเส้นทางวิบากเมื่อนักวิชาการกลุ่มหนึ่ง นำโดยนายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.)กทม.ได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินว่า มาตรา 61 วรรคสองของ พ.ร.บ.การทำประชามติขัดต่อหลักกฎหมายอาญาและเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินขอบเขตโดยไม่มีเหตุผลอันควร และผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเห็นส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความจนกลายเป็นปมร้อนที่ต้องลุ้นระทึกเพราะอาจส่งผลทำให้การทำประชามติอาจต้องเลื่อนออกไป

มาตรา 61 วรรคสอง บัญญัติว่า “ผู้ใดดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ออกเสียงให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย”

เมื่อปัญหามาตรา 61 ของ พ.ร.บ.การลงประชามติถูกยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความมีการวิเคราะห์แนวโน้มความเป็นไปได้ 2 แนวทางจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย แนวทางที่ 1 ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องโดยเห็นว่ามาตรา 61 วรรคสองที่ว่าด้วยพฤติกรรมที่เป็นความผิดต่อการทำประชามติชอบด้วยรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพราะไม่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่ได้รับการรับรองไว้ในมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ที่บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคบรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้วย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้”

แนวทางที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญอาจวินิจฉัยให้เฉพาะมาตรา 61 วรรคสอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว ทำให้เฉพาะมาตรา 61 วรรคสอง ไม่มีผลบังคับใช้ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้อาจจำเป็นต้องเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเนื้อหาในบางมาตราของพ.ร.บ.การทำประชามติต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เพื่อปรับปรุงถ้อยคำให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ในส่วนปฏิกิริยาของประชาชนจากผลสำรวจของสวนดุสิตโพลล์สะท้อนว่า ประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกวิตกกังวลและสับสนต่อการทำประชามติที่กำลังจะมีขึ้นโดยเกรงว่าจะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้ง

ขณะที่ต้องลุ้นผลการตีความของศาลรัฐธรรมนูญที่จะชี้จะชะตาว่าการทำประชามติจะต้องเลื่อนออกไปหรือไม่ บรรดาเครือข่ายระบอบทักษิณ รวมทั้งนักวิชาการสายเสื้อแดงต่างออกมาเคลื่อนไหวถี่และเข้มข้นมากขึ้นทุกขณะเพื่อทำลายความชอบธรรมของคสช.และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

โดยกลุ่มเสื้อนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง และบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงทีมใหญ่ได้เปิดตั้งศูนย์จับโกงประชามติโดยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งห้ามของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมทั้งเตรียมจัดตั้งเครือข่ายเสื้อแดงจับโกงทั่วประเทศในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ ซึ่งถูกมองว่านี่คือเกมลองของท้าทายอำนาจของคสช. ขณะเดียวกันก็เป็นการซ้อมและวัดพลังคนเสื้อแดงทั่วประเทศครั้งใหญ่เพื่อเตรียมทำศึกแตกหักในอนาคต

การตั้งศูนย์จับโกงประชามติของกลุ่มเสื้อแดงสร้างความไม่พอใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. เป็นอย่างมากถึงกับประกาศเตือนอย่างแข็งกร้าวว่าหากกลุ่มเสื้อแดงล้ำเส้น พ.ร.บ.ประชามติเมื่อไหร่จะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ขณะเดียวกันก็ย้อนถามจี้ใจดำกลุ่มเสื้อแดงว่าทำไมยุครัฐบาลระบอบทักษิณถึงไม่ตั้งศูนย์จับโกงโดยเฉพาะการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

ดังนั้นไม่ว่าผลการวินิจฉัยตีความมาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.โดยศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไรก็ตาม ที่ต้องจับตายิ่งกว่าก็คือการโหมสุมไฟป่วนการทำประชามติของกลุ่มคนเสื้อแดง และเครือข่ายระบอบทักษิณทั้งหลายซึ่งจะทำให้อุณหภูมิการเมืองนับแต่นี้ไปจนถึงวันทำประชามติ 7 ส.ค.นี้ ร้อนแรงท่ามกลางการคุมเชิงเขม็งของคสช.ที่พร้อมจัดการทันทีหากขบวนการป่วนเมืองล้ำเส้น

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment