ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/227028
วันอาทิตย์ ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
นับถอยหลังอีกเพียง 21 วัน ก็จะถึงวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงและคำถามพ่วงเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ท่ามกลางอุณหภูมิการเมืองที่ร้อนแรงและสกปรกมากขึ้นทุกขณะจากขบวนการกลุ่มอำนาจเก่าที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญและสุมไฟให้เกิดวิกฤติ
ปัญหาที่สร้างความปั่นป่วนช่วงก่อนการลงประชามติก็คือขบวนการที่ใช้สารพัดวิชามารบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญแล้วจัดทำเอกสารคำชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญปลอมที่บิดเบือนแจกจ่ายและส่งถึงประชาชนในหลายจังหวัดทั่วประเทศโดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสาน ควบคู่ไปกับการที่อดีตสส.พรรคกลุ่มอำนาจเก่าบางคนปลุกระดมบิดเบือนว่าหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติจะทำให้โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการเรียนฟรี 15 ปี หรือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจะถูกยกเลิก
สำหรับแนวโน้มผลการลงประชามติซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางประเทศในอนาคตพบว่า พลังเงียบจะเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดผลประชามติ ซึ่งจากผลสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมาพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่กว่าครึ่งยังไม่ตัดสินใจว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งปัญหาอีกประการหนึ่งสำหรับการลงประชามติครั้งนี้ก็คือ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สนใจหรือยังไม่เข้าใจเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญเท่าที่ควร ทั้งนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารัฐธรรมนูญเป็นเรื่องไกลตัวและเข้าใจยากสำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจแต่เรื่องปากท้องการทำมาหากินของตัวเอง จึงทำให้ผลการลงประชามติที่จะมีขึ้นอาจไม่ได้สะท้อนการเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง แต่จะเป็นการสะท้อนการตัดสินใจของประชาชนตามข้อมูลข่าวสารทางการเมืองที่ได้รับรู้หรือด้วยความเชื่อศรัทธาในอำนาจรัฐหรือฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามอำนาจรัฐ
แต่ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการลงประชามติหรือไม่ก็ตามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ยังอยู่ในอำนาจต่อไปและเตรียมแผนรองรับไว้แล้วในกรณีหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการลงประชามตินั่นคือการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้โดยไม่ต้องมีการลงประชามติอีก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ถึงกับประกาศแบบคาบลูกคาบดอกทีเล่นทีจริงว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยตัวเอง เหมือนต้องการส่งส่งสัญญาณวัดใจบรรดาพรรคการเมืองและมหาชนในการลงประชามติที่จะมีขึ้น
ทั้งนี้สิ่งที่บรรดาพรรคการเมืองวิตกก็คือไม่รู้ว่าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงไม่ผ่านการลงประชามติแล้วจะเจอร่างรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาเข้มข้นกว่าฉบับที่ตกไปหรือไม่ โดยเฉพาะการกำหนดให้อำนาจพิเศษในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอยู่กำกับรัฐบาลหลังการเลือกตั้งอย่างยาวนาน
นอกจากนี้โดยธรรมชาติของนักเลือกตั้งแล้วแม้ปากจะโจมตีร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างคะแนนหรือเพื่อเดิมเกมการเมือง แต่ใจจริงก็อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วและกลัวจะเจอยาที่แรงกว่า ดังนั้นพอเอาเข้าจริงๆ บรรดาอดีตสส.ทั้งหลายแม้แต่พรรคเพื่อไทยอาจจะผลักดันให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านการลงประชามติ
ในส่วนของประชาชนนั้นก็คงอยากให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยและเดินไปข้างหน้าและมีการเลือกตั้งในปีหน้าตามโรดแมปที่คสช.กำหนดไว้ซึ่งอาจส่งผลต่อการลงประชามติ
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงที่สุดแล้วไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการลงประชามติหรือไม่ทุกประการล้วนอยู่ภายใต้เกมของคสช.โดยหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงผ่านก็ถือเป็นการเดินหน้าปฏิรูปประเทศด้วยกติการที่เข้มข้นในการขจัดธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตย แต่หากไม่ผ่านก็มีร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่เข้มข้นกว่าเตรียมไว้แล้วซึ่งพรรคธุรกิจการเมืองที่เคยประพฤติชั่วร้ายในอดีตย่อมไม่พอใจและต้องพยายามต่อต้านขัดขวางอย่างสุดฤทธิ์แน่นอน
ทีมข่าวการเมือง
