ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/221690
วันอังคาร ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้ความเด็ดขาดเอาจริงห้ามเปิดศูนย์ปราบโกงการทำประชามติทั่วประเทศทำให้ขบวนการกลุ่มเสื้อแดง นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ต้องถอยไม่เป็นท่า แต่ก็ยังพยายามแก้เกี้ยวหาเรื่องป่วนประเทศด้วยการหันไปเปิดศึกสุมไฟป่วนผ่านโซเชียลมีเดีย ขณะเดียวกันก็โร่ไปฟ้ององค์การสหประชาชาติชักศึกเข้าบ้านอ้างว่าถูกคุกคามสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชน
ผลสำรวจของโพลล์สะท้อนว่าประชาชนกว่า 70% ไม่เห็นด้วยกับการตั้งศูนย์ปราบโกงการทำประชามติเพราะเชื่อว่ามีเป้าหมายทางการเมืองแอบแฝงซึ่งจะทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งแม้แต่กลุ่มเสื้อแดงในหลายจังหวัดโดยเฉพาะที่จ.อุตรดิตถ์ ก็เมินเข้าร่วมตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติตามคำสั่งแกนนำเสื้อแดงส่วนกลาง เพราะเข็ดจากที่ผ่านมาถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือทำลายประเทศแต่พอถูกจับกลับโดนลอยแพ
ที่น่าสนก็คือที่จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกรวบตัวบุคคล 8 คน หลังจากที่มีการถ่ายภาพคู่กับป้ายศูนย์ปราบโกงประชามติแล้วนำออกเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งจากการสอบสวนผู้ที่ถูกจับกุมรับสารภาพว่า มีอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.นครพนม ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มเสื้อแดงว่าจ้างชาวบ้านหลายสิบคน คนละ 200 บาท ให้มาร่วมถ่ายภาพคู่กับป้ายศูนย์ปราบโกงประชามติเพื่อนำไปเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย
พฤติการณ์ใช้เงินจ้างบรรดาผีโม่แป้งมาจัดฉากหนุนศูนย์ปราบโกงประชามติเสื้อแดงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แก๊งเสื้อแดงเครือข่ายเพื่อแม้วพร้อมใช้วิธีการสกปรกทุกรูปแบบสร้างภาพหลอกคนทั้งประเทศและมีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งสุมไฟให้เกิดวิกฤติในชาติโดยอ้างประชาธิปไตยบังหน้า ทั้งๆ ที่พฤติกรรมของขบวนเพื่อแม้วตลอดช่วงที่ผ่านมาตรงกันข้ามกับประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง
แม้จะปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของแก๊งเสื้อแดง แต่เชื่อได้เลยว่าเครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วจะไม่หยุดความพยายามที่จะใช้วิธีการสกปรกทั้งบนดินใต้ดินสุมไฟป่วนประเทศแน่ ซึ่งหนึ่งในวิธีการสกปรกก็คือการปล่อยข่าวเท็จบ่อนทำลายอำนาจรัฐทางโซเชียลมีเดีย อาทิ กรณีล่าสุดที่มีการเผยแพร่เอกสารลับด่วนมากของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยมณฑลทหารบกที่ 38 ที่ส่งถึงหน่วยปฏิบัติในพื้นที่เกี่ยวกับแผนดำเนินการกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลโดยแบ่งตามประเภทบุคคลเป้าหมาย อาทิ แกนนำฮาร์ดคอร์หัวรุนแรงที่ขัดขวางการทำงานของรัฐบาลและคสช.ให้ดำเนินการจับตายหากขัดขืน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ยืนยันว่าเอกสารลับดังกล่าวเป็นของปลอมโดยกลุ่มผู้ไม่หวังดี พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีความคิดเฮงซวยอะไรแบบนั้น โดยยึดการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจัดการ
วิธีการสกปรกลักษณะนี้คงมีออกมาเรื่อยๆ และจะร้ายแรงมากขึ้นทุกขณะ เพราะฉะนั้นคสช.และรัฐบาลหากเจอการปล่อยข่าวเท็จบ่อนทำลายความมั่นคงต้องพยายามสืบหาต้นตอให้ได้และดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดจริงจังในทุกกรณีเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู
ทีมข่าวการเมือง
