บิ๊กตู่วัดใจมหาชนวันประชามติ7สค. จะเดินหน้าหรือกลับสู่วงจรอุบาทว์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/226118

วันจันทร์ ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

นับถอยหลังอีก 21 วัน ก็จะถึงวันลงประชามติ 7 ส.ค.เพื่อรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่พร้อมกับคำถามพ่วงประเด็นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ท่ามกลางสารพัดวิชามารทุกรูปแบบของขบวนการที่จ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง

พรรคเพื่อแม้วนั้นชัดเจนว่าประกาศจุดยืนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่ยังไม่ทันยกร่างด้วยซ้ำ โดยเป้าหมายของขบวนการเพื่อแม้วไม่เพียงคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่ยังส่อเจตนามุ่งล้มการปฏิรูปประเทศและบ่อนทำลายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาลให้พ้นจากอำนาจโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันก็โฆษณาชวนเชื่อสร้างภาพความชอบธรรมให้ตัวเอง หวังฟื้นระบอบแม้วกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศ

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคใหญ่ที่จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญซึ่งจะกำหนดผลประชามติที่จะออกมา
แม้ก่อนหน้านี้จะแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญในหลายประเด็น แต่ก็แทงกั๊กว่าจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องคำนึงถึงปัจจัยสถานการณ์ภาพรวมทางการเมืองด้วย และถึงที่สุดอาจเป็นไปได้ว่า ก่อนการลงประชามติพรรคประชาธิปัตย์อาจจะประกาศจุดยืนต่อสาธารณะแบบแทงกั๊กด้วยการปล่อยให้สมาชิกพรรคฟรีโหวต

สำหรับขบวนการเพื่อแม้วที่มีแม้แกนนำกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะกลุ่มเสื้อแดง นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง จะพยายามชิงพื้นที่ข่าวปลุกระดมกระแสคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแทบจะรายวัน ส่วนการเคลื่อนไหวใต้ดินถึงขั้นบิดเบือนว่าหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติ โครงการรัฐสวัสดิการต่างๆ อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรค เรียนฟรี 15 ปี เบี้ยยังชีพคนชราจะถูกยกเลิก โดยกลุ่ม นายจตุพรมั่นใจว่า ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการลงประชามติแน่ แต่แกนนำขบวนการเพื่อแม้วส่วนหนึ่งกลับกำลังวิตกว่าร่างรัฐธรรมนูญมีแนวโน้มจะผ่านการลงประชามติ โดยเฉพาะหากประชาชนภาคเหนือและภาคอีสานซึ่งมีอยู่จำนวนมากที่เข้ามาทำมาหากินอยู่ในกรุงเทพฯไม่กลับไปใช้สิทธิ์ เนื่องจากสถานการณ์การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 หรือการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา แตกต่างจากสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิงเพราะหลังการยึดอำนาจของคสช. มวลชนที่เคยสนับสนุนขบวนการเพื่อแม้วจำนวนไม่น้อยที่เบื่อหน่ายต่อวิกฤตการณ์ทางการเมืองเหมือนที่ผ่านมาโดยอยากเห็นการปรองดองและบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าเสียที อีกทั้งการลงประชามติครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งทั่วไปและรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องไกลตัวเข้าใจยากทำให้ประชาชนจำนวนมากอาจไม่สนใจออกมาใช้สิทธิ์

ทั้งนี้หากประชาชนที่เคยเป็นฐานคะแนนขบวนการเพื่อแม้วออกมาใช้สิทธิ์น้อยลงเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้โอกาสคว่ำร่างรัฐธรรมนูญน้อยลงเท่านั้นเพราะผลการลงประชามติวัดกันด้วยเสียงข้างมาก

มาทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ใช้ปฏิบัติการจิตวิทยาวัดใจมหาชนด้วยการกล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเป็นความหวังและอนาคตในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะผ่านการลงประชามติหรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะตัดสินในวันที่ 7 ส.ค.นี้

คำประกาศของบิ๊กตู่เป็นการวัดใจมหาชนในยามบ้านเมืองอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนผ่านว่า ประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้า หรือถอยหลังกลับไปสู่วงจรอุบาทว์อันเลวร้ายซ้ำซากแบบเดิมๆ

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment