ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/225185
วันอังคาร ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ปัญหาความเลวร้ายเน่าเฟะในวงการพุทธศาสนาขณะนี้ได้มาถึงจุดที่ปราชญ์ นักการศาสนา หรือแม้แต่สงฆ์แท้ที่มีชื่อเสียงต่างเห็นว่าต้องมีการสังคายนาครั้งใหญ่อย่างจริงจัง และเป็นความหวังที่จะเกิดขึ้นเป็นจริงได้ก็ในยุคอำนาจพิเศษของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นี่แหละ
วงการสงฆ์ปัจจุบันซ่อนไว้ด้วยสิ่งชั่วร้ายที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ทั้งต่อพุทธศาสนาและความมั่นคงของชาติ และมีแนวโน้มที่จะเลวร้ายมากขึ้นหากไม่หยุดยั้งและปฏิเสธเสียตั้งแต่บัดนี้ จากการที่วงการสงฆ์กลายเป็นแหล่งแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ของเหล่าอลัชชีในคราบผ้าเหลืองที่แผ่ขยายอิทธิพลเผยแพร่สิ่งชั่วร้ายรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ถึงขนาดบางสำนักตั้งตัวเป็นอาณาจักรดุจรัฐอิสระที่กฎหมายแตะต้องไม่ได้ด้วยเหิมเกริมในอำนาจอิทธิพลทั้งด้านเงินที่มีอยู่อย่างมหาศาลมากกว่างบประมาณแผ่นดินถึงกว่าเท่าตัว และสาวกทั่วประเทศจำนวนมากที่ยังหลงงมงายกับลัทธิขายบุญถึงกับยอมเป็นโล่มนุษย์ปกป้องเจ้าลัทธิอันเลวร้าย
สำนักจานบินถูกตั้งข้อสังเกตว่านอกจากเป็นพันธมิตรอันแนบแน่นกับพรรคเพื่อแม้วที่ต่างเกื้อกูลซึ่งกันและกันในการแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ โดยสำนักจานบินถูกตั้งข้อสังเกตว่าใช้อิทธิพลและผลประโยชน์ครอบงำแทบจะทุกองคาพยพของประเทศแม้แต่องค์กรสงฆ์อย่างมหาเถรสมาคม (มส.) หรือพระเถระผู้ใหญ่ทั่วประเทศที่ล้วนตกอยู่ภายใต้อิทธิพลและผลประโยชน์ของสำนักจานบิน
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือส.ศิวรักษ์ นักคิดผู้มีชื่อเสียง นายไพบูลย์นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือท่าน ว.วชิรเมธี และบุคคลสำคัญอีกหลายท่านเคยเสนอแนวคิดให้มีการปฏิรูปวงการสงฆ์อย่างจริงจังก่อนที่พุทธศาสนาจะล่มสลาย โดยเฉพาะ นายสุลักษณ์ เสนอให้คสช.ใช้โอกาสภายใต้อำนาจพิเศษสังคายนาวงการสงฆ์อย่างจริงจัง ด้วยการยกเลิกสมณศักดิ์ของสงฆ์และต้องมีระบบตรวจสอบทรัพย์สินของพระเถระผู้ใหญ่ตลอดจนวัดทั่วประเทศเพราะทุกวันนี้วงการสงฆ์เต็มไปด้วยธุรกิจผลประโยชน์และมุ่งแสวงหาอำนาจและกิเลสต่างๆ มากกว่าการแสวงหาการหลุดพ้น
นอกจากนี้ยังมีเสียงร่ำลือในเรื่องการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งพระเถระในระดับต่างๆ รวมทั้งมีการเล่นพรรคเล่นพวกในหมู่สงฆ์
เมื่อองค์กรสงฆ์ตั้งแต่ระดับบนสุดถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่ใช่แบบอย่างที่ดีเต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาวและปกป้องเจ้าลัทธิอลัชชีในคราบผ้าเหลือง แน่นอนว่าวงการสงฆ์ในทุกระดับย่อมเสื่อมโทรมอยู่ในสภาพที่แฝงไปด้วยความเลวร้ายและกล้าประพฤติชั่วโดยไม่ละอายหรือเกรงกลัวต่อบาป
เพราะฉะนั้นจึงมีแต่อำนาจพิเศษภายใต้ยุคคสช.เท่านั้นที่จะสังคายนาวงการสงฆ์ครั้งใหญ่อย่างจริงจัง เพราะพลาดจากโอกาสนี้แล้วอย่าหวังที่จะเห็นการปฏิรูปวางรากฐานวงการสงฆ์ให้พ้นอิทธิพลการครอบงำของเหล่าอลัชชีในคราบผ้าเหลืองในยุครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งคิดแต่เรื่องผลประโยชน์และคะแนนเสียงที่ตัวเองจะได้รับและโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพรรคเพื่อแม้ว ซึ่งเป็นพวกเดียวกับสำนักจานบินมีอำนาจเป็นรัฐบาล
ทีมข่าวการเมือง
