ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ทีมข่าวการเมือง 30 พ.ค. 2559 05:01
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/627591

การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆหยุดชะงักลง และสังคมเริ่มมองเห็นว่าการยึดอำนาจครั้งนี้จะเสียของ
นักวิชาการและภาคประชาชนบางกลุ่มก็เริ่มขยับ เตรียมเคลื่อนไหวปลุกกระแสเรียกร้องให้ คสช.และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะต้องรับไม้สานงานการปฏิรูปให้สำเร็จ
การเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เป็นอีกด้านหนึ่งที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จุดประเด็นนี้ให้มีการปฏิรูป
โดย นายสมพงษ์ สระกวี กมธ. บอกระหว่างให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ว่า บรรยากาศการปฏิรูปยังมีการเร่งมือกันอยู่ ไม่ถึงกับหยุดชะงัก
หลายเรื่องเป็นนโยบายของรัฐบาล บางเรื่องสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะนำไปออกเป็นกฎหมาย สปท.ก็ผลิตงานการปฏิรูปออกมาเยอะ
โดยเฉพาะ กมธ.การเมือง ได้ศึกษาหลายเรื่องตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ทุกประเด็นได้ศึกษาเสร็จเกือบหมดแล้ว เช่น การเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรม ได้เสนอให้สนช.ออกกฎหมายการลงโทษรุนแรงเอาผิดกับผู้ที่ทุจริตการเลือกตั้ง
แม้ไม่มั่นใจเมื่อมีโทษรุนแรงแล้วจะขจัดการทุจริตการเลือกตั้งได้ แต่อย่างน้อยก็ตอบสนองความรู้สึกทางสังคมว่า ถ้าการเลือกตั้งยังไม่สุจริต การเข้าสู่อำนาจรัฐยังไม่โปร่งใส ก็เท่ากับเอาอำนาจไปไว้ในมือผู้ทุจริต
ขณะที่ทัศนะของผมเห็นแย้งใน กรธ.ว่า การเลือกตั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา การทุจริตการเลือกตั้งเบาบางลงมาก เพราะสังคมแบ่งขั้วสีทางการเมืองในลักษณะผูกพัน เป็นสาวก มีการใช้ปัจจัยทางการเงินลดลง เงินซื้อไม่ได้ ประชาชนจะเลือกนโยบายและพรรคที่ชื่นชอบ
พรรคการเมืองที่มีเงิน ประชาชนไม่มีความผูกพัน จะเห็นว่าพ่ายแพ้อย่างหมดรูปมานักต่อนักแล้ว
เมื่อวัฒนธรรมการเมืองเปลี่ยนไปแล้ว ก็ขอเตือนให้ตระหนักกันเอาไว้ว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเป็นบรรยากาศในลักษณะเดียวกับที่ชาวพม่าที่เป็นแรงงานอยู่ในประเทศไทย เดินทางกลับบ้านโดยใช้เงินของตัวเอง
เพื่อไปเลือกนางอองซาน ซูจี ประธานพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี)
เพราะมีความผูกพัน สวามิภักดิ์ เป็นสาวก ที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองใหม่
มองในแง่ดีจะลดการซื้อสิทธิขายเสียง ทุนสามานย์ลดน้อยลง ขณะที่ข้อเสียจะทำให้คนไม่มองพรรคการเมืองอื่น เพราะมีลักษณะผูกพัน เป็นสาวก ผิดถูกก็ว่าดีและเหมาะสม
เมื่อการเมืองอยู่ในลักษณะนี้จะเปลี่ยนไปสู่การเมืองมิติใหม่ยากมาก ยิ่งถ้าสังคมไม่ยอมรับวัฒนธรรมของผู้เลือกตั้งจะก่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองได้ง่าย เช่น จะได้ยินอยู่เสมอว่าพรรคที่แพ้การเลือกตั้งแล้วไม่ยอมแพ้
ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้วัฒนธรรมทางการเมืองใหม่เปลี่ยนไปสู่การเมืองมิติใหม่ โดยทำให้พรรคการเมืองเป็นพรรคของมหาชนหรือของประชาชน
ขอให้มองย้อนกลับไปที่ประชาชนผูกพันกับพรรคการเมืองนั้นๆ พรรคการเมืองหนึ่งเอาใจใส่ประชาชนในท้องถิ่นจนกลายเป็นความผูกพัน ส่วนอีกพรรคใช้นโยบายประชานิยมที่ทำได้จริง
แต่พรรคการเมืองถูกตั้งคำถามตัวใหญ่ๆว่า มุ่งหวังมีอำนาจโดยเอาแต่ชนะใจประชาชนด้วยนโยบายประชานิยม เพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายจะพาบ้านเมืองไปไม่รอด
ซึ่งทำให้การเมืองจะถูกพัฒนาไปอีกระดับหนึ่ง โดยในรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีองค์กรตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมืองว่ามีผลต่องบประมาณแผ่นดิน คุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้บรรดานักการเมืองโวยวายกันอยู่
และขณะนี้สังคมเรียกร้องให้มีรัฐบาลหรือพรรคการเมืองที่มี ศักยภาพสามารถยืนบนเวทีการแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบพรรคการเมือง อาทิ พรรคการเมืองมีบทบาทในวงแคบ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นนักการเมือง นายทุน นักธุรกิจการเมือง ประชาชนโดยทั่วไปมีส่วนร่วมไม่มากนัก
ยังมีการใช้เงินเป็นใหญ่ ผูกขาดอำนาจทางการเมืองโดยคนจำนวนน้อย คนจนและเกษตรกรไม่มีอำนาจต่อรองในระบบเศรษฐกิจ เข้าไม่ถึงทรัพยากร
คนเหล่านี้จึงต้องพึ่งพิงผู้มีทรัพยากรในหัวเมือง ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ ทำให้คนเหล่านี้เป็นผู้มีอิทธิพล และสามารถได้รับความไว้วางใจเลือกให้เข้ามาทำหน้าที่แทนในฐานะผู้แทนราษฎรและก้าวไปสู่อำนาจที่มากกว่านั้นในฐานะรัฐมนตรี
ทหารจึงอยากให้สิ่งเหล่านี้หายไป ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและ กมธ.ก็อยากให้สิ่งเหล่านี้หายไป เพื่อให้พรรคการเมืองเป็นพรรคการเมืองของประชาชน เป็นสถาบันการเมืองเพื่อประชาชน
ฉะนั้นพรรคการเมืองจะต้องเริ่มต้นปฏิรูปโดยระดมบุคลากรชั้นเลิศของประเทศมาไว้ในพรรค เพื่อกำหนดนโยบายบริหารประเทศให้แข็งแกร่ง แข่งขันกับต่างประเทศได้
เพราะนับจากนี้ไปนโยบายที่เสนอสู่สาธารณะ ไม่เพียงแค่เอาใจประชาชนเท่านั้น แต่จะต้องกำหนดอนาคตของประเทศและทำตามนั้น ทำให้รัฐบาลหรือพรรคการเมืองในอนาคต จะแข่งขันนโยบายที่สังคมตรวจสอบได้ทั้งในแง่คุณค่าของนโยบาย ความสุ่มเสี่ยงไม่คุ้มค่า
การจะเดินไปสู่จุดนี้ได้ต้องทำให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชนจริง ประชาชนเป็นเจ้าของทุนพรรคการเมือง ไม่ใช่ของนายทุน ฉะนั้นสมาชิกพรรคจะต้องจ่ายเงินให้พรรคการเมืองและรัฐสร้างแรงจูงใจสนับสนุนอีกทางหนึ่ง เช่น สมทบงบประมาณสนับสนุนให้พรรคการเมือง เงินบริจาคนำไปลดหย่อนภาษีได้
เมื่อมีสมาชิกพรรคจำนวนมาก ประชาชนก็เริ่มแสดงความเป็นเจ้าของพรรค ทำให้คนดีๆ เก่งๆ นักวิชาการเข้าร่วมงานกับพรรค เพื่อกำหนดนโยบายต่างๆที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนและประเทศชาติ
พอพรรคการเมืองเดินมาสู่จุดนี้ก็เป็นหน้าที่คณะผู้บริหารพรรคต้องสร้างศรัทธาให้พรรคอย่างต่อเนื่อง ถึงจะได้ความร่วมมือกับประชาชน
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า การปฏิรูประบบพรรคการเมืองในยุคนี้ทำได้ยาก เพราะพรรคการเมืองจะสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นได้ยาก หลังจากรัฐธรรมนูญมีมาตรการเข้มตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมือง จนไม่สามารถออกนโยบายประชานิยมได้อีก นายสมพงษ์ บอกว่า ตรงนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรค
แต่ปัญหาอยู่ที่จะทำอย่างไรให้ผู้เสียภาษีบริจาคเงินให้พรรคการเมืองและเพิ่มฐานผู้เสียภาษี
เพราะตามสถิติมีผู้ยื่นภาษี 10 ล้านคนจากประชากรทั้งประเทศ ในจำนวนนี้ไม่เสียภาษี 6 ล้านคน มีผู้เสียภาษีจริงเพียง 4 ล้านคน ในจำนวนนี้มีเพียง 1 ล้านคนบริจาคให้พรรคการเมือง อัตราส่วน 1 ต่อ 4 สะท้อนว่าประชาชนไม่ศรัทธาพรรคการเมือง
จึงเป็นเรื่องท้าทายมากที่พรรคการเมืองจะเข้าสู่การเมืองมิติใหม่ โดยเฉพาะจะทำอย่างไรให้ประชาชนศรัทธา เชื่อมั่นและบริจาคเงินสนับสนุนพรรคและเป็นเจ้าของพรรค ไม่ใช่เป็นของนายทุน
ตรงนี้ใน กมธ.ที่มีทุกกลุ่มทุกสีอยู่ล้วนตั้งคำถามสอดคล้องกันว่าจะเป็นไปได้หรือ
ในฐานะที่รับผิดชอบปฏิรูปพรรคการเมืองก็อธิบายให้ฟัง โดยเชื่อมั่นว่าเป็นไปได้ เพราะสังเกตได้จากการเคลื่อนไหวของประชาชนในช่วงที่ผ่านมา เพื่อขับไล่รัฐบาล มีการบริจาคเงินเป็นจำนวนมาก
เมื่อถึงวันนั้นพรรคการเมืองก็เป็นมหาชน ไม่ใช่ของนายทุน การบริหารพรรคต่อจากนี้ไปจะต้องเป็นประชาธิปไตย ทุกขั้นตอนจะกำหนดให้สมาชิกพรรคมีสิทธิ มีอำนาจ ตั้งแต่การเลือกหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค การบริหารพรรค อำนาจในการกำหนดนโยบายจะอยู่ในกำมือของประชาชน
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า หากมีเหตุทำให้ไม่มีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา การปฏิรูประบบพรรคการเมืองจะถูกผลักดันต่ออย่างไร นายสมพงษ์ บอกว่า ไม่ว่าจะประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใด
ถ้ามีการเลือกตั้ง มีพรรคการเมืองจะต้องมีการปฏิรูประบบพรรคการเมือง เพราะข้อเสนอเหล่านี้จะต้องกำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องและรัฐธรรมนูญ
ตามความต้องการของประชาชนที่ให้ก้าวพ้นการซื้อเสียง และขจัดนายทุนครอบงำพรรคการเมือง
เพื่อทำให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชน.
ทีมการเมือง