ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ทีมข่าวการเมือง 9 ก.ค. 2559 05:01
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/658844

เร่งเครื่องโชว์ความเด็ดขาดปั่นแต้มถี่ยิบ
กับปรากฏการณ์ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ตวัดดาบอาญาสิทธิ์ ใช้อำนาจมาตรา 44 ลงนามแก้ปัญหา 4 คำสั่งรวดภายในวันเดียว
ไล่เรียงตั้งแต่การสั่งเด้ง นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เข้ากรุไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ทันเกมกับสถานการณ์แก้ปัญหายาเสพติด
การแก้ปัญหาที่ดินป่าภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ที่ถูกบุกรุกจากนายทุนมาสร้างเป็นโรงแรม รีสอร์ต และร้านค้า โดยให้รื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้าง เพื่อให้ป่าภูทับเบิกปรับคืนสู่สภาพเดิม
การแก้ปัญหาที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เรียกคืนที่ดิน ส.ป.ก.ที่ถูกครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
และการปลดล็อกการใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้เกิดความคล่องตัว ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชน
แม้กระทั่งการปล่อยไอเดียดัดนิสัยนักเรียนนักเลงที่ชอบก่อปัญหาความรุนแรง ยกพวกไล่ตีกัน ด้วยการจับไปฝึกวินัยในค่ายทหาร 3-5 เดือน แทนการจับไปเป็นทหารเกณฑ์
กองทัพใส่เกียร์เดินหน้าโกยเรตติ้ง ใช้อำนาจเด็ดขาดแก้ปัญหาสังคมที่โดนใจชาวบ้าน เน้นหนักเรื่องปัญหายาเสพติด ระบบสาธารณสุข การแก้ปัญหานักเรียนตีกัน และการบุกรุกทำลายป่า
ปั่นผลงานให้เห็นผลเป็นรูปธรรมทันที เทียบให้เห็นความแตกต่างในการทำงานระหว่างรัฐบาลพิเศษกับรัฐบาลปกติ
หวังเป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจของประชาชนในการหย่อนบัตรประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
ที่นับถอยหลังเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือน จะถึงเดดไลน์ 7 ส.ค.นี้
ในห้วงที่สถานการณ์การเมืองเพิ่มเติมดีกรีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ตามรูปการณ์ที่เครือข่ายขั้วอำนาจพิเศษผนึกกำลังตรึงเข้มกติกา จัดตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
ระดมทีมงานจากทหาร กระทรวงมหาดไทย และ กกต. แบ่งโซนดูแลความเรียบร้อยคุมเข้มประชามติในทุกจังหวัดและอำเภอ
ท็อปบูตสั่งสแกนละเอียดยิบ ตรึงกำลังเต็มพื้นที่ ไม่ให้เล่นนอกกติกา
เข้าจังหวะการประโคมข่าวของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ที่ออกมาแฉการแจกเอกสารร่างรัฐธรรมนูญปลอมที่มีเนื้อหาบิดเบือนข้อเท็จจริง ในดงเรดโซน จ.เชียงใหม่
กลิ่นวิชามารเริ่มแตะจมูกท้าทาย กรธ.และ คสช.ถี่ขึ้น
ในสภาวการณ์ที่ยังไม่เห็นสัญญาณว่า ผลโหวตประชามติจะออกมาในแบบใด จากผลสำรวจโพลช่วงท้ายเดือน มิ.ย. 59 ของ “นิด้าโพล” พบว่า ชาวบ้านร้อยละ 66 ยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงมติอย่างไร
ยิ่งในสถานการณ์ไฟต์บังคับของขั้วอำนาจพิเศษที่ต้องเล่นบทเฮี้ยบ สะกดทุกฝ่ายอยู่ใต้กฎเหล็ก ย่อมส่งผลกระทบไปถึงชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ยังเก็บอาการ ไม่ประกาศจุดยืนร่างรัฐธรรมนูญล่วงหน้า
แนวโน้มผลการลงประชามติยังคลุมเครือ ยังไม่มีเสียงสะท้อนแว่วว่าจะออกในทิศทางใด
แต่ที่สะท้อนแน่ๆ คือ การประชาสัมพันธ์ของ กกต.ที่ยังไม่สามารถแจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญถึงมือชาวบ้านได้
เหลืออีกแค่ 1 เดือนเศษๆ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เห็นร่างรัฐธรรมนูญที่เสิร์ฟตรงถึงมือ
เช่นเดียวกับผลสำรวจความเห็น “กรุงเทพโพล” ที่ออกมาตรงกันว่า ประชาชนร้อยละ 66 ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญค่อนข้างน้อย
กกต.และ กรธ.ยังทำงานไม่เข้าเป้า ชาวบ้านรับรู้ข้อมูลร่างรัฐธรรมนูญแบบกะปริบกะปรอย
สุ่มเสี่ยงที่ปัจจัยชี้ขาดการลงประชามติไม่ได้วัดที่เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ
ส่อเค้าลงเอยอยู่ที่นักการเมืองจะชี้นำไปในทางใด
ตามมุมมองที่อ่านเกมขาดของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประเมินว่า “จะแพ้หรือชนะขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่เดินตามหลังผู้นำแต่ละฝ่าย ฝ่ายใดกุมมวลชนได้มากกว่าเป็นผู้ชนะ”
ในบรรยากาศที่นักเลือกตั้งต่างโหมโรงกรอกหูแฟนคลับไว้ล่วงหน้าแล้ว
รอจังหวะเสี้ยมโค้งสุดท้ายชี้ขาดประชามติ!!!
ทีมข่าวการเมือง