ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ทีมข่าวการเมือง 1 ก.ค. 2559 05:01
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/651904

ปาดเหงื่อ โล่งอกไปหนึ่งด่าน
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 เสียง ตัดสินชี้ขาดมาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557
กฎหมายประชามติไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ปิดเกมดราม่าที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายถกเถียงกัน เรื่องการละเมิดสิทธิเสรีภาพการแสดงความเห็นและการรับรู้ข้อมูลของประชาชนในช่วงที่ผ่านมา
กฎเหล็กยังถูกตรึงแน่นหนา ขุมข่ายอำนาจพิเศษยังได้ติดดาบลุยหักด่านประชามติในช่วงเวลาที่เหลือต่อไป
หมดห่วงเรื่องข้อกฎหมายที่กำกวม คาราคาซังมาพักใหญ่
เหลือลุ้นเพียงด่านสถานการณ์ภายในประเทศว่า จะสามารถกุมสภาพ รักษาความสงบเรียบร้อยก่อนไปถึงปลายทางในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ได้หรือไม่
ตามจังหวะโทนการเมืองที่ยังคุกรุ่น มีทีท่าไต่ดีกรีร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในฉากปลุกอารมณ์กองเชียร์สองฝ่าย ระหว่าง “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. เปิดศึกดวลน้ำลายวันต่อวันกับ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กไลฟ์
ตัวพ่อ กปปส. ปะทะตัวจี๊ด นปช. โหมโรงเชียร์แขก กระตุ้นแฟนคลับแต่ละฝ่ายให้เห็นคล้อยการรับและไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในแนวทางที่ตัวเองต้องการ
เขี่ยหัวเชื้อความขัดแย้งรอรีเทิร์น สร้างความหวั่นไหวให้ฝ่ายความมั่นคงต้องกระทุ้ง กกต.เคลียร์ปมสองขาใหญ่การเมืองโชว์จุดยืนรับและไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจะขัดกฎหมายประชามติหรือไม่
ไล่เลี่ยกับจังหวะออกโรงของเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) ที่ประกอบด้วยคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ 292 คน ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์ถึง คสช.
เรียกร้อง คสช.ให้เลิกคุกคาม จับกุมผู้เห็นต่างจากร่างรัฐธรรมนูญ และปล่อยตัว 7 นักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่โดยไม่มีเงื่อนไข หลังถูกจับกุมฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน
แรงต้าน คสช.ส่อแนวโน้มขยายวงจากนักการเมือง นักศึกษา ไหลเข้าสู่วงนักวิชาการ
ดูตามรูปการณ์ที่ยิ่งใกล้วันลงประชามติ คสช.ยิ่งมีความเสี่ยงเจอแรงปะทะจากฝ่ายต่อต้านถี่และหนักขึ้น
แต่ดูเหมือนอ่านทางกันออก จากท่าทีของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ที่ประกาศเสียงเข้ม
“ตอนนี้เราต้องการความสงบเรียบร้อยเป็นหลัก ขอย้ำว่าหากใครทำผิดกฎหมาย ไม่ต้องมาถาม ผมจับหมด เอาอย่างนี้เลย ถ้าใครออกมาเคลื่อนไหวก็จับ หากมองว่า ภาพที่ไปจับนักเคลื่อนไหวและนักศึกษาเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชน”
พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์เปิดไฟเขียวจับแหลกฝ่ายลองของกฎหมายประชามติท็อปบูตประเมินทิศทางแล้ว จำเป็นต้องตัดไฟแต่ต้นลม พร้อมยาแรงเต็มที่
ชูธงให้ความสำคัญกับความสงบเรียบร้อยประเทศเป็นหลัก เมินแรงเสียดทานเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ติดดาบบู๊ รอประจัญบานฝ่าแรงเสียดทานเต็มอัตราศึก
สอดรับท่าทีของเบอร์หนึ่ง คสช. “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่กระชับกระบองยักษ์แน่น
ประกาศเสียงแข็ง โชว์บทกร้าวสวนข้อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านด่านประชามติ โดยยืนยันไม่ไขก๊อก
ลาออก เพราะเป็นคนกำหนดกติกาเล่นเอง
ตามติดด้วยช็อตต่อเนื่อง “ไม่มีใครสั่งให้ผมยึดอำนาจ หรือปล่อยอำนาจได้”
สะท้อนภาพกองทัพยังคุมอำนาจเบ็ดเสร็จตามแบบฉบับรัฏฐาธิปัตย์ มีสิทธิกำหนดกติกาได้ทุกเรื่อง
แม้แต่ในคิวขอคั่นจังหวะของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่เสนอโมเดลนัดหารือฝ่ายการเมือง หาทางออกให้ประเทศ ในฐานะที่นักเลือกตั้งเป็นสาเหตุหนึ่งให้บ้านเมืองเดินมาสู่จุดนี้
ยังเจอลูกหงุดหงิดสวนกลับจาก “บิ๊กตู่–บิ๊กป้อม” แสดงความไม่เห็นด้วย เพราะไม่ต้องการให้สร้างเงื่อนไขเกิดความหวาดระแวงและความขัดแย้งขึ้นมาอีก
สองคีย์แมนใหญ่หักหน้ากันตรงๆ ไม่สนคอนเน็กชั่น “คุณหญิงหน่อย” ที่ขึ้นชื่อว่าปึ้กกับกองทัพ
ในสภาวการณ์ท็อปบูตคอนโทรลอำนาจอยู่ในมือ ย่อมมีอำนาจเหนือทุกฝ่าย สามารถกดปุ่มได้ทุกเรื่อง ทั้งการใช้อำนาจมาตรา 44 การเซตซีโร่พรรคการเมือง หรือการเลื่อนเลือกตั้ง
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์จะพาไป เพราะคือผู้คุมกติกาผูกขาดฝ่ายเดียว.
ทีมข่าวการเมือง