ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/228434
วันอังคาร ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงกับสั่งกำชับให้ศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยทุกจังหวัดทั่วประเทศจับตาสถานการณ์ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และคำถามพ่วงซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 ส.ค.นี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เกาะติดสถานการณ์ป่วนประชามติเพราะมีเบาะแสขบวนการที่เตรียมสร้างสถานการณ์รุนแรงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการทำประชามติ
ทั้งนี้ หนังสือของปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศตอนหนึ่งระบุว่า กระทรวงมหาดไทย ได้ตรวจสอบงานด้านการข่าวพบว่ามีผู้พยายามปล่อยข่าวทางสื่อต่างๆ รวมทั้งใช้การสร้างข่าวลือบิดเบือนและโฆษณาชวนเชื่อในทางที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นเพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดภาวะสับสนและอ่อนไหวจะได้ใช้เป็นเงื่อนไขในการระดมประชาชนออกมาสร้างความรุนแรงและหรือทำให้นานาชาติเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย จึงเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกต้องผ่านสื่อออนไลน์หรือช่องทางสื่อสารในพื้นที่ทุกช่องทางอย่างรวดเร็ว กว้างขวางทั่วถึงและทันท่วงที
ขณะที่มีรายงานข่าวจากฝ่ายทหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้หน่วยทหารในพื้นที่ตรวจตราและเตรียมรับมือกับการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบช่วงโค้งสุดท้ายการทำประชามติโดยเฉพาะให้ระวังการก่อเหตุคาร์บอมบ์
การที่ทหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้เตือนให้ระวังคาร์บอมบ์แสดงว่าต้องได้รับรายงานด้านการข่าวบางอย่าง และสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างขบวนการโจรก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้กับกลุ่มการเมืองบางกลุ่มที่พยายามสร้างสถานการณ์ป่วนการทำประชามติ
ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่าอดีต สส.ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ บางคนบางกลุ่มใช้วิชามารสุดสกปรกแพร่คลิปปลุกระดมโฆษณาชวนเชื่อให้ชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงด้วยการบิดเบือนอ้างว่า เนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญกำหนดให้ศาสนาพุทธอยู่เหนือศาสนาอื่น รวมทั้งศาสนาอิสลาม ซึ่งนอกจากส่งผลต่อการลงประชามติแล้วยังเป็นการสร้างความแตกแยกบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรง
ขณะที่ นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ประเมินว่า ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการลงประชามติหรือไม่ก็ตาม ขบวนการที่จ้องป่วนประเทศยังคงหาข้ออ้างสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงอยู่วันยังค่ำ โดยหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็จะอ้างความชอบธรรมกดดันให้คสช.พ้นจากอำนาจโดยเร็วและบีบให้มีตัวแทนประชาชนเข้ามาร่วมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทนที่จะกำหนดโดยคสช. ในทางกลับกันหากร่างผ่านการทำประชามติขบวนการจ้องป่วนก็จะหาข้ออ้างต่างๆ นานาว่ามีการโกงการทำประชามติหรืออ้างความไม่ชอบธรรมจากการที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ถึงมือประชาชนก่อนลงประชามติ
ที่สำคัญคืออาจจะมีการปลุกระดมให้เกิดการลุกฮือของมวลชนก่อหวอดประท้วงพร้อมกับการชักศึกเข้าบ้านเรียกร้องให้นานาชาติและองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย โดยเป้าหมายไม่ได้อยู่แค่การคว่ำร่างรัฐธรรมนูญปราบโกง แต่มุ่งล้มอำนาจคสช. และการปฏิรูปประเทศหวังปูทางให้กลุ่มอำนาจเก่ากลับมายึดครองประเทศอีกครั้ง
ทีมข่าวการเมือง
