ฉันทามติผ่านรธน.ฉบับประชาชน จุดเปลี่ยนประเทศสู่การปฏิรูป

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/230300

วันอาทิตย์ ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และคำถามพ่วงว่าด้วยการให้สมาชิกวุฒิสภาร่วมกับสภาผู้แทนราษฎรโหวตเลือกนายกฯ ได้ซึ่งผ่านฉันทามติของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศถือเป็นจุดเปลี่ยนอนาคตของประเทศสู่การปฏิรูปครั้งสำคัญ

ผลการลงประชามติซึ่งมีประชาชนผู้มาใช้สิทธิลงประชามติเกือบ 30 ล้านคน หรือเกือบ 60% ของผู้มีสิทธิลงประชามติ โดยผู้ที่เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงราว 16 ล้านเสียง หรือราว 62% ไม่รับราว 10 ล้านเสียง หรือราว 39% เห็นชอบคำถามพ่วงราว 14 ล้านเสียง หรือเกือบ 59% ขณะที่ไม่เห็นชอบคำถามพ่วงเกือบ 11 ล้านเสียง หรือเกือบ 42% ซึ่งถือเป็นคะแนนที่ขาดลอยพอสมควรสะท้อนฉันทามติเจตนารมณ์ประชาชนชัดเจนว่า นอกจากสนับสนุนรัฐธรรมนูญเพื่อปฏิรูปประเทศปราบพวกโกงชาติปล้นแผ่นดินแล้ว ที่สำคัญยังสนับสนุนแม้แต่การให้ใช้กลไกประชาธิปไตยแบบครึ่งใบคือให้มีวุฒิสภาซึ่งมาจากการสรรหาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เป็นเครื่องมือร่วมเลือกบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่รวมทั้งมีบทบาทสำคัญคอยถ่วงดุลตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ตลอดจนเป็นพี่เลี้ยงคอยประคับประคองให้การเดินหน้าปฏิรูปประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นไปด้วยความราบรื่น

ฉันทามติของมหาชนเสียงส่วนใหญ่ที่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งๆ ที่สองพรรคใหญ่คือพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมามีฐานคะแนนเสียงทั่วประเทศรวมกันเกือบ 30 ล้านเสียง ได้รวมหัวกันประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้นฉันทามติของประชาชนทั่วประเทศที่ออกมาด้านหนึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาเชื่อถือต่อการเดินหน้าปฏิรูปประเทศด้วยกลไกประชาธิปไตยแบบครึ่งแบบซึ่งเป็นแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ขณะที่อีกด้านหนึ่งสะท้อนถึงความเอือมระอานักการเมืองและวังวนวงจรอุบาทว์ทางการเมืองแบบเดิมๆ ที่เป็นธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่เต็มไปด้วยการซื้อพรรค ซื้อ สส. ซื้อเสียง ไม่ต่างจากการซื้อประชาธิปไตยซื้อประเทศเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาลแล้วทุจริตคอร์รัปชั่นโกงชาติปล้นแผ่นดินถอนทุนคืนบวกกำไรมหาศาล และใช้อำนาจเสียงข้างมากในทางชั่วร้ายตามใจชอบโดยไม่คำนึงถึงความหายนะล่มจมที่จะเกิดกับชาติบ้านเมืองโดยอ้างความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยบังหน้าจนเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

ผลประชามติที่ออกมายังส่งผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ โดยตลาดหุ้นดีดตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายปีหลังการทำประชามติเพียงวันเดียว ขณะที่บรรดาบุคคลสำคัญขององค์กรภาคธุรกิจเอกชนต่างปลาบปลื้มที่ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูปประเทศผ่านการทำประชามติ พร้อมย้ำว่า นักธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติต่างเพิ่มความเชื่อมั่นต่อการลงทุนเพราะจากนี้ไปทุกอย่างจะมีความชัดเจนเดินไปตามโรดแมปโดยจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า และที่สำคัญคือจะมีการปฏิรูปประเทศเพื่อขจัดความไม่โปร่งใสในอดีตที่ผ่านมาซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนโดยเฉพาะปัญหาการทุจริตของนักการเมืองและข้าราชการที่มีอำนาจ

เพราะฉะนั้นร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเมื่อผ่านฉันทามติของมหาชนเสียงส่วนใหญ่จึงมีความชอบธรรมเพราะถือเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนและถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินหน้าปฏิรูปประเทศครั้งสำคัญ โดยเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีการปฏิรูปประเทศในทุกด้านทั้งด้านสังคม การเมือง และเศรษฐกิจโดยกำหนดระยะเวลาการปฏิบัติอย่างชัดเจน รวมทั้งการกำหนดมาตรการควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินไม่ให้มีการทุจริตหรือถลุงงบแผ่นดินไปกับบรรดาโครงการประชานิยมที่ไม่เกิดประโยชน์

ที่สำคัญที่สุดสาระในร่างรัฐธรรมนูญกำหนดมาตรการป้องกันและลงโทษนักการเมืองตลอดจนเหล่าข้าราชการที่ทุจริตโกงชาติปล้นแผ่นดิน หรือใช้จ่ายงบประมาณอันส่อไปในทางมิชอบหรือสร้างความเสียหายแก่แผ่นดินในทุกระดับด้วยบทลงโทษที่เด็ดขาดรุนแรงทั้งทางอาญา ทางแพ่ง ทางการเมือง โดยโทษทางอาญามีโทษจำคุก ทางแพ่งถูกฟ้องยึดทรัพย์เพื่อชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดิน ส่วนทางการเมืองอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดชีวิต

นอกจากนี้ ยังมีระบบกลั่นกรองสกัดนักการเมืองเลวเข้าสู่ระบบการเมืองอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางด้วยการกำหนดคุณสมบัติห้ามผู้ที่มีประวัติไม่โปร่งใสสมัครรับเลือกตั้งหรือดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี อาทิ ผู้ที่เคยถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง ผู้ที่เคยถูกศาลพิพากษาว่าทุจริตหรือร่ำรวยผิดปกติ หรือแม้แต่ขณะดำรงตำแหน่งทางการเมืองหากพบว่าส่อการกระทำผิดไม่ว่ากรณีใดให้พ้นจากการทำหน้าที่ทันที พร้อมกับการฟ้องร้องดำเนินคดีซึ่งหากศาลตัดสินว่าผิดจริงนอกจากโทษทางอาญาที่รุนแรงแล้วยังถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปตลอดชีวิต

ฉันทามติของมหาชนที่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงครั้งนี้จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่านอนาคตชาติและการเดินหน้าปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่เพื่อขจัดสิ่งเลวร้ายในอดีตและวางรากฐานประชาธิปไตยที่แท้จริงและยั่งยืน ขณะเดียวกันอาจเป็นจุดจบของพรรคธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมซึ่งเป็นต้นเหตุที่แท้จริงของวิกฤติชาติตลอดช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามสถานการณ์ที่ต้องจับตาก็คือขบวนการธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมย่อมต้องดิ้นรนทำทุกวิถีทางทั้งบนดินและใต้ดินเพื่อสร้างสถานการณ์สุมไฟวิกฤติหวังทำให้ตัวเองมีโอกาสกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment