ฉันทามติมหาชนไฟเขียว หนุนกลไกปชต.ครึ่งใบปฏิรูปประเทศ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/232493

วันอาทิตย์ ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

แทบจะทันทีหลังรู้ผลการทำประชามติ ซึ่งมหาชนเสียงส่วนใหญ่แสดงฉันทามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงและคำถามพ่วงที่กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ร่วมโหวตเลือกนายกฯคนต่อไป นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ก็ออกมาเปิดประเด็นตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปพร้อมทั้งประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งเหมือนเป็นการโยนหินถามทางวัดปฏิกิริยาบรรดานักการเมือง สื่อ ตลอดจนเป็นการหยั่งกระแสมหาชน

หลังการออกมาวัดปฏิกิริยาสังคมของ นายไพบูลย์ สองพรรคใหญ่คือเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ดาหน้าออกมาค้านการผลักดันนายกฯคนนอกแบบหัวชนฝาโดยอ้างผิดหลักการประชาธิปไตยและเป็นการสืบทอดอำนาจ

ทั้งนี้หากพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงถูกออกแบบมาเพื่อใช้กลไกประชาธิปไตยแบบครึ่งใบเพื่อปฏิรูปประเทศให้สำเร็จไม่เสียของในช่วงเปลี่ยนผ่านทั้งการเปิดช่องให้มีนายกฯคนนอกโดยสว. 250 คน ซึ่งมาจากการสรรหาของคสช.และไม่ต่างจากพรรคขนาดใหญ่ที่มีส่วนร่วมในการเลือกนายกฯ รวมทั้งมีบทบาทในการตรวจสอบถ่วงดุลเหล่านักการเมือง ขณะที่ระบบการเลือกตั้งสส.แบบใหม่ที่เสียงประชาชนทุกเสียงมีความหมายทำให้มีแนวโน้มที่จำนวนสส.ที่แต่ละพรรคได้รับจะกระจัดกระจาย โดยพรรคขนาดเล็กและขนาดกลางมีโอกาสได้สส.มากขึ้น ส่วนพรรคขนาดใหญ่มีแนวโน้มได้สส.จำนวนลดลง ซึ่งจะส่งผลทำให้พรรคขนาดใหญ่มีโอกาสน้อยลงที่จะผลักดันตัวแทนของตัวเองขึ้นเป็นนายกฯ เปิดทางให้นายกฯจากคนนอกมีโอกาสมากขึ้น นอกจากนี้ ยังกำหนดให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ยากเพื่อป้องกันเหล่านักการเมืองรวมหัวกันรื้อร่างรัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูปประเทศ

ที่สำคัญการออกแบบให้ใช้กลไกพิเศษแบบประชาธิปไตยครึ่งใบผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่สนับสนุนการเดินหน้าปฏิรูปประเทศด้วยกลไกแบบประชาธิปไตยครึ่งใบ โดยเฉพาะคำถามพ่วงที่ให้สว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯ นั่นอาจสะท้อนฉันทามติกรายๆ ว่า ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีนายกฯคนนอก

ที่ผ่านมาจากผลสำรวจของโพลล์ทุกสำนักสะท้อนชัดเจนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังศรัทธาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นผู้นำบริหารประเทศต่อไป ในด้านกลับกันก็สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเอือมระอาเบื่อหน่ายนักการเมืองซึ่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา คือต้นเหตุสำคัญที่สร้างความแตกแยกและทำลายชาติบ้านเมือง

ดังนั้นหากเป็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ และที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถตกลงกันได้ในการเลือกตัวแทนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งขึ้นเป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไป จนต้องเลือกคนนอกโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ขี้นเป็นนายกฯถือว่ามีความชอบธรรม

ทั้งนี้คสช.เสี่ยงยึดอำนาจเพื่อเข้ามากอบกู้บ้านเมืองและวางรากฐานการปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างยั่งยืน โดยไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองแอบแฝง ซึ่งต่างจากบรรดานักการเมืองที่คิดแต่เรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง
เป็นหลัก

ชาติบ้านเมืองบอบช้ำอย่างหนักมามากเกินพอแล้วจากธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมแบบไทยๆ ซึ่งหากไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งซึ่งไม่ใช่นักการเมืองมาทำการปฏิรูปประเทศอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องเชื่อได้เลยว่าหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมก็จะกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศและวนเวียนอยู่ในวังวนของวงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายแบบเดิมๆ ซึ่งทำลายชาติบ้านเมืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ดังนั้นจะถึงเวลาแล้วที่บ้านเมืองจะต้องปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงและยั่งยืนพ้นจากวงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายเสียที ขณะที่บรรดานักการเมืองทั้งหลายต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สอดคล้องกับกติกาใหม่ภายใต้ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้การใช้กลไกพิเศษเพื่อปฏิรูปประเทศช่วงเปลี่ยนผ่านจะถูกมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะเป็นแค่เรื่องของวิธีการ สิ่งสำคัญคือหากเป็นการสืบทอดอำนาจเพื่อผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองโดยมหาชนส่วนใหญ่ของประเทศให้การสนับสนุน ถือว่ามีความชอบธรรม สำหรับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อเสียงเรียกร้องให้อยู่บริหารประเทศต่อไปหลังการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธโดยกล่าวให้คิดเพียงว่า “ผมคิดว่ามีคนดีมากกว่าผมอีกเยอะแยะ
ในประเทศนี้ ไปดูก็แล้วกัน ถ้าหาคนดีไม่ได้ค่อยมาพูดกับผม”

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment