บิ๊กตู่ทิ้งไพ่วัดใจประชามติ จะเดินหน้าหรือกลับไปเหมือนเดิม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/228033

วันเสาร์ ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 02.07 น.

ช่วงโค้งสุดท้ายเหล่านักเลือกตั้งโดยเฉพาะสองพรรคใหญ่คือเพื่อแม้วกับประชาธิกัดที่ปกติไม่เผาผีแต่ครั้งนี้กลับหันมาจูบปากร่วมกันงัดสารพัดวิชาทั้งบนดินและใต้ดินจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงให้ได้

หนึ่งในไพ่ตายของฝ่ายคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในช่วงโค้งสุดท้ายก็คือการแถลงประกาศจุดยืนของ นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิกัด ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงด้วย เหตุผลหลัก 3 ข้อตามด้วย นายชวน หลีกภัยประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิกัด อาศัยบารมีภาพความซื่อสัตย์สุจริตหนุนจุดยืนของ นายอภิสิทธิ์ ผู้เป็นศิษย์ก้นกุฏิเพื่อเป็นการการันตี หรือแม้แต่เหล่าแกนนำเพื่อแม้วทั้งหลายยังฉวยโอกาสเอออวยหนุนส่ง นายอภิสิทธิ์ในการคว่ำรัฐธรรมนูญปราบโกง

แต่ประชาธิกัดก็คือประชาธิกัดที่ไม่เหมือนพรรคบริษัทจำกัดอย่างพรรคเพื่อแม้วที่อำนาจอยู่ภายใต้คำสั่งของเจ้าของพรรคบริษัทจำกัดเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นจึงมีข่าวว่าในพรรคประชาธิกัดเสียงแตกเป็นสองฝ่ายโดยฝ่ายหนึ่งสนับสนุนจุดยืน นายอภิสิทธิ์ ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าควรหนุนร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงเพราะภาพรวมมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ทำให้ในที่สุดเชื่อว่าพรรคประชาธิกัดฟรีโหวตโดยปริยาย

แม้ประชาธิกัดจะทิ้งไพ่ช่วงโค้งสุดท้ายหวังคว่ำรัฐธรรมนูญปราบโกง แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า แฟนคลับของพรรคประชาธิปัตย์แม้จะยังรักประชาธิกัด แต่ก็อาจไปลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญปราบโกง โดยอาจมองว่าชาติบ้านเมืองต้องมาก่อนพรรคการเมืองที่นิยมชมชอบ อย่าว่าแต่เหตุผลของประชาธิกัดครั้งนี้ยังมีปมคาใจมหาชนไม่น้อย

ด้านนายอุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ออกมาตอบโต้เหตุผลคว่ำรัฐธรรมนูญปราบโกงของ นายอภิสิทธิ์ ทันควันโดยชี้ว่า ไม่จริงที่อ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีกลไกป้องกันการทุจริตที่มีประสิทธิภาพเพราะร่างฉบับนี้กำหนดมาตรการกลั่นกรองป้องกันนักการเมืองเลวไปจนถึงบทลงโทษนักการเมืองที่ทุจริตประพฤติมิชอบอย่างรุนแรง ส่วนที่ระบุว่ามีการเปิดช่องเอื้อให้จำเลยคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มีการทุจริตมโหฬารและสร้างความเสียหายย่อยยับให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โดยกำหนดให้จำเลยสามารถยื่นอุทธรณ์ได้นั้น เจตนารมณ์ของกรธ.ก็เพื่อสร้างมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมตามหลักสากลตามที่มีเสียงเรียกร้องโดยไม่ได้คำนึงถึงการเอื้อต่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งส่วนการกำหนดให้มีสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ที่มาจากการแต่งตั้งในช่วง 5 ปีแรกก็เพื่อประคับประคองและเดินหน้าปฏิรูปประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านให้เป็นไปด้วยความราบรื่น

ในประเด็นที่ นายอภิสิทธิ์ อ้างว่ารัฐธรรมนูญปราบโกงเอื้อต่อจำเลยคดีรับจำนำข้าวนั้นมีการตั้งข้อสังเกตว่า หากจริงอย่างที่อ้างแล้วทำไมขบวนการเพื่อแม้วถีงไม่ปลื้มในการหนุนร่างรัฐธรรมนูญให้ผ่านการลงประชามติ ตรงกันข้ามกลับระดมทุ่มสุดตัวเดินเกมทั้งบนดินใต้ดินจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงอย่างเอาเป็นเอาตาย

บุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งซึ่งมีอิทธิพลพอสมควรต่อโค้งสุดท้ายก่อนการลงประชามติวันที่ 7 ส.ค.ก็คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน กปปส.ที่ออกมาให้ความเห็นทิ้งทวนสวนทางพรรคประชาธิกัดโดยยืนยันจุดยืนที่เคยประกาศมาตั้งแต่ต้นว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งถล่มนักการเมืองว่าเห็นแก่ตัว ใจแคบ คิดเอาแต่ประโยชน์เฉพาะหน้าทางการเมือง

แต่บุคคลสำคัญที่สุดที่ออกมาให้ความเห็นและอาจจะส่งผลต่อการลงประชามติวันที่ 7 ส.ค.นี้ก็คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ย้ำว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการลงประชามติก็ต้องร่างกันใหม่

หากมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั่นหมายความว่า คสช.จะเป็นผู้คุมเกมในการยกร่างและจะประกาศใช้ได้เลยโดยไม่ต้องมีการลงประชามติอีก ซึ่งเป็นประเด็นที่บรรดาพรรคการเมืองวิตกเพราะอาจเจอร่างรัฐธรรมนูญที่ใช้ยาแรงกว่าเดิมในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังวัดใจมหาชนด้วยการกล่าวถึงบรรดานักเลือกตั้งทั้งหลายที่ออกมาประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงว่า เป็นเพียงคนแค่หยิบมือหากเทียบกับประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงลงประชามติหลายสิบล้านคน พร้อมกับคำพูดทีเด็ดตบท้ายให้ข้อคิดเตือนสติประชาชนความว่า “จะให้เขานำผิดนำถูกก็แล้วแต่ ประชาชนเป็นคนเลือกต้องเรียนรู้ ขอให้ไปดูว่าก่อน 22 พ.ค.2557 มันมีอะไรอยู่ แล้วจะต้องการให้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ไปคิดเอาเอง”

คำพูดพล.อ.ประยุทธ์เหมือนเป็นการทิ้งไพ่วัดใจมหาชนให้เลือกระหว่างนักการเมืองกับคสช.ที่เสี่ยงยึดอำนาจเพื่อเข้ามาปฏิรูปประเทศให้พ้นจากวงจรอุบาทว์อันเลวร้าย และให้เลือกระหว่างการเดินหน้าปฏิรูปแก้ปัญหาของประเทศครั้งใหญ่อย่างยั่งยืน หรือจะปล่อยให้ชาติบ้านเมืองกลับไปสู่สถานการณ์เหมือนก่อนการยึดอำนาจ 22 พ.ค.2557 ที่เต็มไปด้วยวิกฤติความรุนแรงปั่นป่วนวุ่นวายจนบ้านเมืองพังพินาศกลายเป็นรัฐล้มเหลวสิ้นเชิง

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment