อำนาจเก่าเลือดเข้าตาเปิดศึกใต้ดิน เบื้องหลังวินาศกรรมทำลายชาติ?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/231365

วันอาทิตย์ ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

หลังการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และคำถามพ่วงเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมหาชนเสียงส่วนใหญ่ของประเทศแสดงฉันทามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงและคำถามพ่วงด้วยคะแนนเสียงขาดลอยจนถือเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนได้สร้างความผิดหวังคั่งแค้นต่อขบวนการกลุ่มอำนาจเก่าถึงกับออกมาแสดงท่าทีส่อขี้แพ้ชวนตีไม่ยอมรับผลการทำประชามติและส่อเจตนาข่มขู่กดดันในทำนองว่าวิกฤติและหายนะชาติจะตามมาในอนาคต

ข้อน่าสังเกตก็คือหลังรู้ผลการทำประชามติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ส่อเจตนาไม่ยอมรับผลประชามติด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติว่า รัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติทำให้ไทยถอยหลังห่างจากเส้นประชาธิปไตยและผลประชามติไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลเพราะการแสดงความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญก่อนลงประชามติไม่อิสระและยุติธรรม ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง กล่าวเชิงข่มขู่ทำนองว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติจะนำไปสู่วิกฤติและสร้างความหายนะให้กับประเทศในอนาคต

หลังเพิ่งผ่านการลงประชามติซึ่งขบวนการจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงพ่ายแพ้อย่างยับเยินเพียง 4 วัน ก็เกิดเหตุร้ายบ่อนทำลายความสงบของประเทศโดยมีการก่อวินาศกรรมวางระเบิดและวางเพลิงใน 7 จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญในภาคใต้ในเวลาไล่เลี่ยกันประกอบด้วย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ภูเก็ต จ.กระบี่ จ.ตรัง จ.พังงา จ.นครศรีธรรมราช และจ.สุราษฎร์ธานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีกเกือบ 40 ราย สะท้อนให้เห็นเจตนาหวังบ่อนทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติเหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

ด้วยแรงจูงใจและเงื่อนเวลาของการลอบก่อวินาศกรรมชัดเจนว่าเป็นการวางแผนอย่างเป็นขบวนการโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังการทำประชามติเพียง 4 วันโดยผลจากการก่อวินาศกรรมก็คือมุ่งสร้างความระส่ำระสายและความหวาดกลัวทำลายเสถียรภาพความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ตลอดจนทำลายเศรษฐกิจและความั่นคงของชาติโดยเฉพาะการท่องเที่ยวซึ่งเป็นตัวสร้างรายได้หลักให้กับประเทศขณะนี้ ขณะที่ไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่คือวันท่องเที่ยวโลกปลายเดือนก.ย.นี้ ซึ่งจะมีตัวแทนจากทั่วโลกมาร่วมงานครั้งนี้

การลอบวางระเบิดในหลายจังหวัดที่เกิดขึ้นแน่นอนว่าไม่ใช่เหตุการณ์บังเอิญโดยผู้ได้ประโยชน์จากเหตุร้ายครั้งนี้ก็คือฝ่ายที่ต้องการบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาล และน่าจะเป็นฝ่ายที่สูญเสียอำนาจและผลประโยชน์จนอยู่ในสภาพใกล้ล่มสลายจากกติกาใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ

เหตุการณ์ระเบิดป่วนเมืองที่เกิดขึ้นทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ถึงกับสาปแช่งพวกที่ก่อเหตุว่าไม่หวังดีทำลายชาติบ้านเมืองและถือว่าไม่ใช่คนไทย พร้อมสั่งล่าตัวขบวนการชั่วร้ายให้ได้ ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ถึงกับเหลืออดประณามว่าเป็นฝีมือของพวกระยำ และเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับผลการลงประชามติ

ขบวนการวินาศกรรมป่วนเมืองครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกหลังจากที่คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 โดยเครือข่ายกลุ่มอำนาจเก่าก่อเหตุวินาศกรรมระเบิดป่วนเมืองมาแล้วหลายครั้งรวมทั้งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งเหตุการณ์ระเบิดที่ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล เกาะสมุย และเผาสหกรณ์โคออป จ.สุราษฎร์ธานี

และหากย้อนกลับไปทบทวนอดีตขบวนการอำนาจเก่า เคยก่อจลาจลทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยาหวังนำไปสู่สงครามกลางเมืองเมื่อปี 2552 และในปีถัดมาก็สร้างสถานการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองปี 2553 โดยครั้งนั้นใช้กองกำลังติดอาวุธยิงถล่มด้วยกระสุนระเบิดมุ่งเป้าหมายวัดพระแก้ว ขณะที่กองกำลังเสื้อแดงเหิมเกริมถึงขนาดบุกสภากาชาดไทยและโรงพยาบาลจุฬาฯ ทั้งๆ ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงรักษาอาการพระประชวรอยู่จนมีกระแสรับสั่งให้เคลื่อนย้ายสมเด็จพระสังฆราชไปรักษาอาการพระประชวรที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นการชั่วคราว ตลอดจนอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลจุฬาฯอย่างอลหม่าน

จากหลักฐานลักษณะของส่วนประกอบระเบิดแสวงเครื่องซึ่งพบในที่เกิดเหตุหลายจุดแม้จะทำให้เกิดข้อสันนิษฐานว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มโจรใต้ แต่จากแรงจูงใจรวมทั้งการข่าวความเคลื่อนไหวของขบวนการที่จ้องก่อวินาศกรรมซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงรู้มาคร่าวๆ ก่อนหน้านี้ก็คือกลุ่มอำนาจเก่ามีการนัดพบว่าจ้างกลุ่มโจรใต้ประเภทมือปืนรับจ้างบางกลุ่มเพื่อเตรียมก่อเหตุ

เพราะฉะนั้นที่ต้องจับตาและน่าวิตกก็คือขบวนการกลุ่มอำนาจเก่าที่ขณะนี้กำลังอยู่ในภาวะหลังพิงฝาเลือดเข้าตาในทุกแนวรบคงจะไม่ยอมรามือบ่อนทำลายประเทศแน่นอน เพียงแต่รอคอยโอกาสก่อเหตุร้ายรอบใหม่ที่อาจลับลวงพรางซับซ้อนรุนแรงยิ่งกว่าตราบใดที่ยังไม่บรรลุเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment