ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/229141
วันเสาร์ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
อีกวันเดียวก็จะได้รู้กันแล้วว่าประชาชนผู้เป็นเสียงสวรรค์ตื่นรู้หรือยังคงมัวเมาอยากย้อนกลับไปสู่ยุคการเมืองแบบเดิมๆ ในการชี้ชะตารับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปปราบโกงและคำถามพ่วงเปิดทางให้สมาชิกวุฒิสภา(สว.) มีสิทธิร่วมเลือกนายกฯคนต่อไป แต่ที่แน่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)แสดงจุดยืนส่วนตัวชัดเจนว่าจะลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงเพื่ออนาคตการปฏิรูปชาติบ้านเมือง พร้อมวาทะเด็ด “อย่ากลัวผีที่ยังมองไม่เห็นตัว ในการทำประชามติ แต่ให้กลัวผีที่หลอกหลอนมาก่อนหน้านี้”
ช่วงโค้งสุดท้ายทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและคว่ำร่างรัฐธรรมนูญต่างเปิดตัวออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนโดยกำลังหลักของฝ่ายสนับสนุนของฝ่ายรับร่างรัฐธรรมนูญก็คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ออกมาทิ้งทวนแฉ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกทั้งๆที่ไม่มีสิทธิลงประชามติ แต่กลับบงการเหล่าสมุนบริวารขบวนการเพื่อแม้วให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ซ้ำเหิมเกริมถึงขนาดเตรียมแผนไล่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยอ้างความชอบธรรมหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ สะท้อนให้เห็นว่าขบวนการเพื่อแม้วมีแผนที่จะสร้างสถานการณ์ป่วนประเทศอย่างไม่จบสิ้นเพื่อปูทางให้ตัวเองกลับมีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง
ขณะที่ฝ่ายคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนอกจากขบวนการเพื่อแม้วซึ่งประกาศจุดยืนชัดเจนมาตั้งแต่ยังไม่ทันยกร่างรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ ยังมีแนวร่วมอย่างพรรคประชาธิปัตย์ และที่น่าสนใจคือมีนักวิชาการอิสระกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นอดีตแกนนำกลุ่ม กปปส.ในอดีต อาทิ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์หรือ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล รวมอยู่ด้วย
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ประเมินสถานการณ์การลงประชามติที่จะมีขึ้นว่าวันลงประชามติ 7 ส.ค. คงจะผ่านไปด้วยความเรียบร้อย แต่ที่น่าห่วงก็คือสถานการณ์หลังการลงประชามติเพราะจะมีคนบางพวกที่ไม่ยอมรับผลประชามติไม่ว่าจะออกมาด้านใดด้านหนึ่ง
นักวิเคราะห์บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านการทำประชามติ ขบวนการเพื่อแม้วก็จะไม่หยุดเคลื่อนไหวสร้างความปั่นป่วนเพื่อบ่อนทำลายคสช. โดยในกรณีหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ ขบวนการเพื่อแม้วก็จะอ้างความไม่ชอบธรรมของคสช.ในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และจะเข้าทางตามแผนของขบวนการเพื่อแม้ว ซึ่งเริ่มมีสัญญาณให้เห็นแล้วนั่นคือท่าทีจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อแม้วที่ออกมาเรียกร้องกดดันให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยการมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ทั่วประเทศเพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญ แทนที่จะเป็นอำนาจของคสช.
หากคสช.ไม่ดำเนินการตามแรงกดดันของขบวนการเพื่อแม้วด้วยการตั้งส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญเชื่อได้เลยว่า ขบวนการเพื่อแม้วจะใช้ข้ออ้างสุมไฟให้เกิดการลุกฮือของมวลชน ขณะเดียวกันก็จะเดินเกมกดดันคสช.ด้วยการชักศึกเข้าบ้านเรียกร้องให้นานาประเทศร่วมกดดันคสช.
หากมีการเลือกตั้งส.ส.ร.ทั่วประเทศมายกร่างรัฐธรรมนูญเท่ากับเข้าทางของขบวนการเพื่อแม้วซึ่งยังมีอิทธิพลทั้งเงินทุนมหาศาลและหัวคะแนนที่มีอยู่ทั่วประเทศทำให้มีโอกาสสูงที่จะกวาดส.ส.ร.เสียงข้างมากได้ไม่ยาก และหากทำสำเร็จนั่นหมายถึงสามารถยกร่างรัฐธรรมนูญได้ตามใจชอบและแน่นอนว่าการยึดอำนาจของคสช.เพื่อปฏิรูปประเทศปราบโกง เสียของสิ้นเชิง
ส่วนในกรณีหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติคาดว่าขบวนการเพื่อแม้วจะหาข้ออ้างสร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดการลุกฮือ อาทิ อ้างว่ามีการโกงการทำประชามติหรืออ้างว่าร่างรัฐธรรมนูญไม่มีความชอบธรรมเพราะขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนตั้งแต่แรก พร้อมกับเรียกร้องกดดันให้มีการตั้ง ส.ส.ร.เพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญ หากคสช.ไม่ทำตามก็จะเข้าสู่กับดักของขบวนการเพื่อแม้วนั่นคือสุมไฟให้เกิดกระแสต่อต้านคสช.จนอาจนำไปสู่วิกฤติ
สัญญาณการก่อหวอดเริ่มมีเค้าลางให้เห็นบ้างแล้วโดยกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นกลุ่มพลเมืองผู้ร่วมขอสงวนสิทธิ์ไม่ยอมรับผลประชามติที่ไม่แฟร์ไม่ฟรีได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ผ่านทาง นางอังคณา นีละไพจิตรเพื่อแสดงจุดยืนไม่รับผลการออกเสียงประชามติล่วงหน้า ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มอุปโลกน์ในลักษณะนี้ที่ชักใยโดยขบวนการเพื่อแม้วจะเกิดขึ้นหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติ
เพราะฉะนั้นไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการลงประชามติหรือไม่ก็ตาม ขบวนการเพื่อแม้วคงจะไม่หยุดเคลื่อนไหวป่วนประเทศ เพราะเป้าหมายหลักของขบวนการเพื่อแม้วไม่ได้อยู่แค่เพียงคว่ำร่างรัฐธรรมนูญเพื่อปฏิรูปปราบโกง แต่มุ่งบ่อนทำลายคสช.ให้พ้นจากอำนาจโดยเร็วเพื่อเปิดทางให้ขบวนการเพื่อแม้วกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้งได้อย่างสะดวก
ทีมข่าวการเมือง
