ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/232594
วันจันทร์ ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
แกนนำสองพรรคใหญ่คือเพื่อแม้วกับประชาธิปัตย์ดาหน้าออกมาแสดงท่าทีต้านนายกฯคนนอกสุดฤทธิ์ทำให้เส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯคนนอกจากการเปิดช่องของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และคำถามพ่วงที่ผ่านการทำประชามติมาแล้วของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มีแนวโน้มที่จะเผชิญเส้นทางวิบากจากการจับมือของสองพรรคใหญ่
พรรคเพื่อแม้วดูเหมือนจะออกอาการดิ้นพล่านผิดปกติโดยบรรดาแกนนำทั้งพรรคเพื่อแม้วและกลุ่มคนเสื้อแดงนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง ดาหน้าออกมาขวางนายกฯคนนอกสุดตัว โดย นายจตุพร ถึงกับใช้วาทกรรมแขวะดักคอ พล.อ.ประยุทธ์ ในทำนองว่าจะลงจากอำนาจแบบไม่สวยในฐานะเผด็จการทรราชสืบทอดอำนาจ ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ อดีตสส.พรรคเพื่อแม้ว และแกนนำคนเสื้อแดง ขู่ปมนายกฯคนนอกอาจเป็นชนวนนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬภาคสอง
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เตือน พล.อ.ประยุทธ์ ว่าหากเป็นนายกฯคนนอกคงอยู่ได้ลำบากเพราะไม่มีเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมือง
ทั้งนี้ ตามมาตรา 272 ในเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้เริ่มกระบวนการสรรหานายกฯทั้งการเสนอชื่อและลงมติเลือกนายกฯจากบัญชี 3 รายชื่อที่พรรคการเมืองประกาศก่อนการเลือกตั้ง แต่หากพรรคการเมืองไม่สามารถเลือกนายกจากพรรคการเมืองได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ สส.ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งจึงสามารถเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาเพื่อขอให้ยกเว้นไม่ต้องเสนอชื่อนายกฯจากบัญชีของพรรคการเมืองได้ หรือเป็นการเปิดทางให้เลือกนายกฯจากคนนอกที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองได้
จากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าวจะเห็นได้ว่าหากบรรดาพรรคการเมืองโดยเฉพาะสองพรรคใหญ่จับมือกันเหนียวแน่นต้านนายกฯคนนอก โอกาสที่จะมีนายกฯคนนอกคงเป็นไปได้ยาก โดยการเลือกนายกฯโดยสภาผู้แทนราษฎรใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือมากกว่า 250 เสียงเท่านั้น ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องยากหากสองพรรคใหญ่จับมือกัน
เว้นเสียแต่ว่าสองพรรคใหญ่จะถูกสยบฤทธิ์เดชด้วยสาเหตุบางประการจนทำให้สองพรรคใหญ่นอกจากจะได้จำนวนสส.ลดลงอย่างฮวบฮาบในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าแล้ว ยังไม่สามารถจับมือกันได้เมื่อถึงวันที่ต้องเลือกนายกฯ
อย่างไรก็ตามแม้เส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯคนนอกของ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นเส้นทางวิบากแต่สิ่งสำคัญที่สุดคือกระแสความต้องการของมหาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งจากผลสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ อาทิ ล่าสุด ของสวนดุสิตโพลสะท้อนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 55.04% ไม่สนใจเรื่องที่มาของนายกฯจะเป็นคนนอกหรือไม่ และ 12.35% เห็นว่าควรเปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาเป็นผู้นำประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อปฏิรูปประเทศ ขณะที่ร้อยละ 32.61 เท่านั้นที่เห็นว่านายกฯควรเป็นนักการเมือง
ทีมข่าวการเมือง
