ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/235804
วันอาทิตย์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
หลังร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และคำถามพ่วงผ่านการทำประชามติและเข้าสู่ขั้นตอนการยกร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูกสำคัญ 4 ฉบับ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ยกร่างกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองและกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งสส.และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา(สว.) รวมทั้งกฎหมายลูกว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของกกต.ไปยังคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)ก็เริ่มเสนอแนวคิดให้ใช้ยาแรงเพื่อขจัดธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สถานการณ์ที่ต้องจับตาต่อไปขณะที่กำลังมีการยกร่างกฎหมายลูกก็คือผลการวินิจฉัยชี้ขาดร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะเห็นชอบตามร่างของกรธ.หรือจะมีมติให้แก้ไขอย่างไรหรือไม่ รวมทั้งประเด็นข้อเสนอของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ที่ยืนยันว่าเจตนารมณ์ที่เสนอแนวคิดไปยังกรธ.ในกรณีคำถามพ่วงนั้นก็เพื่อให้สว.มีสิทธิที่จะเสนอชื่อนายกฯคนนอกได้ด้วยนอกเหนือจากการร่วมกับสภาผู้แทนราษฎรลงมติโหวตเลือกนายกฯ
ส่วนความเคลื่อนไหวในการยกร่างกฎหมายลูกนั้นที่น่าสนใจก็คือแนวคิดของ กกต.ที่เสนอให้พรรคการเมืองตั้งยาก อยู่ยาก ยุบยาก และต้องส่งร่างนโยบายของพรรคมาให้ กกต.พิจารณาก่อนที่จะมีการเผยแพร่สู่ประชาชน ขณะที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมืองของ สปท. เผยแนวคิดกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองโดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจคือ การกำหนดให้การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องแสดงแบบรายการเสียภาษีเงินได้ย้อนหลัง 3 ปี แสดงตนประกาศให้สมาชิกและประชาชนรู้ล่วงหน้าก่อนลงเลือกตั้ง 1 ปี ขณะเดียวกันให้สมาชิกในเขตเลือกตั้งเป็นผู้คัดเลือกผู้สมัครเลือกตั้งด้วยวิธีการเลือกตั้งชั้นต้น(Primary Vote)เหมือนการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา
ส่วนเรื่องเงินสนับสนุนพรรคการเมืองห้ามผู้ใดหรือนิติบุคคลใดสนับสนุนเงินลงทุนให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกกรณี เว้นแต่บริจาคตามที่กฎหมายกำหนด และห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้งนำเงินของบุคคลหรือนิติบุคคลใดมาใช้จ่ายหรือสนับสนุนการเลือกตั้งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และห้ามพรรคการเมือง หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคหรือตัวแทนรับเงินบริจาคที่ผิดกฎหมาย
ในกรณีพรรคการเมืองใดกระทำผิดอันเป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยและทำลายความมั่นคงของชาติ พรรคการเมืองนั้นต้องสิ้นสภาพ และในกรณีที่นายทุนกลุ่มทุน นำเงินมาลงทุนในพรรคเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงโดยจำคุก 5-10 ปี โดยไม่รอลงอาญา ปรับ 20 ล้านบาท หากเป็นนิติบุคคลกระทำผิดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)ตรวจสอบกระแสเงินหมุนเวียนด้วย ส่วนผู้สมัคร สส.และสว.หากกระทำผิดให้มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับ 20 ล้านบาท พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดชีวิต
และในกรณีการกระทำผิดของผู้สมัคร สส.หรือสว.พิสูจน์ได้ว่าพรรคการเมืองมีส่วนรู้เห็นปล่อยปละละเลยหรือไม่ระงับยับยั้ง หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคถือว่ามีความผิดต้องถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต
จากแนวคิดของ กกต.และ สปท.ที่เสนอให้ใช้ยาแรงคุมประพฤตินักการเมืองทำให้บรรดานักการเมืองโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยดาหน้าออกมาคัดค้านแบบหัวชนฝา ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะถึงอย่างไรเหล่านักเลือกตั้งโดยเฉพาะพรรคระบอบทักษิณต้องพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อต่อต้านขัดขวางการปฏิรูปประเทศและพยายามคงสถานภาพของตัวเองให้กลับไปสู่วังวนของวงจรอุบาทว์แบบเดิมๆ ให้จงได้
อย่างไรก็ตาม จากเสียงสะท้อนของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศกลับตรงกันข้ามกับเหล่านักเลือกตั้งซึ่งเป็นคนแค่หยิบมือเดียวและเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยผลสำรวจของซูเปอร์โพลล์พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 86.3 มองว่านักการเมืองคือต้นเหตุของความขัดแย้งและไม่เชื่อถือพรรคการเมืองใดเลยในการเสนอทางออกให้ประเทศขณะนี้ และร้อยละ 93.3 เรียกร้องให้นักการเมืองปฏิรูปตัวเองโดยเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชั่น อีกทั้งร้อยละ 77.6 เรียกร้องให้รีเซตพรรคการเมืองเพื่อไม่ให้การปฏิรูปประเทศต้องเสียของโดยเฉพาะการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น
ส่วนสวนดุสิตโพลสะท้อนความเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่เห็นด้วยหากนักการเมืองและแกนนำกลุ่มการเมืองที่ทำผิดกฎหมายต้องได้รับโทษ ขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้กระทรวงมหาดไทยช่วยดูแลการเลือกตั้งร่วมกับกกต.เพื่อป้องกันการซื้อเสียงอย่างมีประสิทธิภาพ
จากเสียงสะท้อนของมหาชนส่วนใหญ่ของประเทศดังกล่าวทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการร่างกฎหมายลูกมีความชอบธรรมที่จะใช้ยาแรงในการขจัดธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมเพื่อปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งคงต้องรอดูโฉมหน้าบรรดากฎหมายลูกที่จะออกมาว่าจะไปเป็นตามเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่ แค่ไหน หรือจะปล่อยให้การยึดอำนาจเพื่อปฏิรูปประเทศต้องเสียของ
ทีมข่าวการเมือง
