ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/237612
วันพฤหัสบดี ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
พิษคดีจำนำข้าวร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดชอบทางแพ่งของกระทรวงการคลังสรุปตัวเลขความเสียหายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอดีตนายกฯหุ่นเชิดต้องชดใช้แก่แผ่นดินเป็นมูลค่า 20% ของความเสียหายทั้งหมดของโครงการรับจำนำข้าวหรือราว 3.57 หมื่นล้านบาท ขณะที่ความเสียหายอีก 80% ที่เหลือหรือราว 1.42 แสนล้านบาท กำลังมีการไล่เบี้ยว่าใครจะต้องรับผิดชอบบ้าง ซึ่งล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.) ที่มีพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมเป็นประธาน เป็นหน่วยงานหลักในการตรวจสอบรวบเพื่อเคาะว่าใครจะต้องชดใช้ค่าเสียหายบ้าง
แต่เบื้องต้นมีรายงานข่าวว่า พวกที่จะเข้าข่ายต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย 80% ที่เหลือจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จะครอบคลุมทั้ง ครม. คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ข้าราชการระดับสูงยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ พ่อค้าข้าวเจ้าของโรงสี เจ้าของโกดัง บริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าวเซอร์เวเยอร์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งคงต้องร่วมชดใช้ความเสียหายแก่รัฐอ่วมอรทัยกันถ้วนหน้า
ขณะเดียวกันก็มีความเห็นของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ที่อภิปรายชำแหละโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์มาตั้งแต่ต้นตั้งข้อสังเกตว่า บุคคลในครม.ยิ่งลักษณ์ที่ควรต้องรับผิดชอบชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินในอันดับต้นๆ ประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ที่เคยกล่าวว่า “ถ้ารัฐบาลทำโครงการจำนำข้าวแล้วทำให้รัฐเสียหายมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคงอยู่ไม่ได้ และไม่ต้องตั้งคำถามเลยว่า ในฐานะรองนายกฯเศรษฐกิจผมจะรับผิดชอบอย่างไร”
คนต่อมาคือ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรมว.พาณิชย์ ที่เข้ามาบริหารหลัง นายบุญทรงเตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ลาออกจากพิษคดีจำนำข้าว ซึ่งมีพฤติกรรมปกป้องโครงการรับจำนำข้าวจนทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น นายยรรยง พวงราช อดีตรมช.พาณิชย์ ผู้ที่มีบทบาทสร้างภาพเดินสายตรวจโกดังข้าวและยืนยันว่าคุณภาพข้าวดีมาตลอด ทั้งๆ ที่ความจริงมีข้าวเสื่อมคุณภาพจำนวนมาก
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรมช.พาณิชย์ ที่ออกมาแก้ต่างแทน นายบุญทรงซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริงอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้นได้อภิปรายตีแผ่โครงการรับจำนำข้าวจนฉาวโฉ่ชัดเจน
และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงอดีตรองนายกฯในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบทุจริตจำนำข้าว แต่กลับไม่สามารถป้องกันและยับยั้งการทุจริตและการสร้างความเสียหายได้เลย
จากพิษคดีจำนำข้าวที่กำลังกลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่จะมีการเรียกค่าเสียหายมูลค่ามหาศาลจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องครั้งใหญ่จึงน่าจะเป็นอุทาหรณ์โดยเฉพาะกับบรรดาข้าราชการทั้งหลายที่ทำตัวเป็นทาสรับใช้นักการเมืองให้พึงสังวรณ์ว่าไม่เร็วก็ช้าหนีไม่พ้นต้องรับกรรมแทนนักการเมือง
ทีมข่าวการเมือง
