ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/235017
วันอังคาร ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
นับเป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์ที่ภาครัฐเอกชนและประชาชนจำนวนมากสวมเสื้อยืดข้อความ “กรรมสนองโกง” ได้มาร่วมแสดงพลังอย่างพร้อมเพรียงที่หน้าสนามหลวงต่อหน้าวัดพระแก้วในวันต่อต้านคอร์รัปชั่น 2559 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหนาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน และงานนี้ไม่แต่เฉพาะที่ท้องสนามหลวงแต่เป็นวาระแห่งชาติที่จัดพร้อมกันในทุกจังหวัดทั่วประเทศ
นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ แล้วบุคคลสำคัญที่ร่วมกล่าวเปิดงานครั้งนี้และมีบทบาทสำคัญยิ่งมาตั้งแต่ต้นในการปลุกพลังวางรากฐานในการขจัดทุจริตคอร์รัปชั่นให้เกิดขึ้นเป็นจริงในบ้านเมืองเสียทีก็คือ นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) และ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.)
ทั้งนี้ การทุจริตคอร์รัปชั่นถือเป็นมะเร็งร้ายที่กัดกินถึงกระดูกและเป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้ายทั้งปวงที่บ่อนทำลายชาติแบบตายผ่อนส่ง ขณะที่ผู้มีอำนาจ พ่อค้าและข้าราชการเพียงหยิบมือเดียวรวยเสพสุขอย่างอิ่มหมีพีมันบนความล่มจมของประเทศ จนมีคำกล่าวว่าเงินจากการโกงชาติปล้นแผ่นดินหากนำมารวมกันสามารถสร้างถนนด้วยทองคำจากกรุงเทพฯถึงเชียงใหม่ได้อย่างสบาย หรือนำมาพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองประชาชนมีความสุขถ้วนหน้าได้นานแล้ว
นับเป็นเรื่องน่าแปลกที่การรณรงค์เพื่อขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขี้นอย่างจริงจังล้วนในยุคผู้นำประเทศไม่ใช่นักการเมืองโดยยุคผู้นำปราบโกงซึ่งเป็นที่ยอมรับของคนทั้งประเทศและทั่วโลกในอดีตก็คือยุครัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และเพิ่งจะมาเห็นในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่ผู้นำนอกจากเป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์สุจริตแล้ว ยังริเริ่มต่อยอดการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นไปสู่ความร่วมมือกับภาคเอกชนและประชาชนจนกลายเป็นพลังขจัดโกงทั่วแผ่นดินสำเร็จเป็นครั้งแรกอย่างน่าชื่นชม ซึ่งการเอาจริงกับการขจัดคอร์รัปชั่นเช่นนี้จะไม่มีทางได้เห็นในยุครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
หากจะให้การขจัดคอร์รัปชั่นเป็นจริงในบ้านนี้เมืองนี้จำเป็นที่จะต้องมีผู้นำประเทศที่ซื่อสัตย์สุจริตและเด็ดเดี่ยวปฏิรูปประเทศนาน 10-20 ปีเพื่อวางรากฐานให้มั่นคงต่อเนื่อง เพราะสิ่งที่หวั่นเกรงก็คือ หากรัฐบาลคสช.หมดอำนาจและมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งโดยเฉพาะหากพรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมได้เป็นรัฐบาล แน่นอนว่าการโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างย่ามใจจะฟื้นคืนชีพกลับมาหลอนทำลายชาติบ้านเมืองอีกอย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะเดียวกันคงต้องฝากความหวังไว้กับกติกาต่างๆ ในกฎหมายเพื่อการปราบโกงที่จะต้องใช้ยาแรงเด็ดขาดในการป้องกันและลงโทษพวกที่โกงบ้านกินเมืองทั้งทางอาญา แพ่ง และทางการเมืองส่วนระยะยาวต้องปลูกฝังค่านิยมคนรุ่นใหม่ตั้งแต่ระดับอนุบาลให้รังเกียจการโกงแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การไม่หยิบฉวยของคนอื่นมาเป็นของตน สำหรับบรรดาพวกโกงบ้านกินเมืองตัวใหญ่ต้องใช้กฎหมายตามเช็คบิลให้สิ้นซากเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้คนชั่วพวกนี้เข้ามามีอำนาจในบ้านเมืองอย่างเด็ดขาดตลอดไป
