เส้นทางวิบากนายกฯคนนอก ไม่ง่ายแต่จำเป็นต้องไปให้ถึง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/234700

วันอาทิตย์ ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ด้วยความเข้มแข็งของรัฏฐาธิปัตย์ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ทั้งพลังสนับสนุนจากมหาชนส่วนใหญ่ของประเทศกองทัพที่เป็นเอกภาพ ตลอดจนแรงหนุนจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ รวมทั้งภายใต้กติกาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และคำถามพ่วงที่ผ่านการทำประชามติทำให้แนวโน้มที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะนั่งเก้าอี้นายกฯคนนอกหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้ามีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ด้วยความจำเป็นเพื่ออาศัยกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบวางรากฐานปฏิรูปประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านให้สำเร็จไม่ย้อนกลับไปสู่วังวนวงจรอุบาทว์อันเลวร้ายที่ทำลายประเทศตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นักสังเกตการณ์ทางการเมืองมองว่านายกฯคนนอกถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกซึ่งสะท้อนจากร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงที่เปิดช่องให้มีนายกฯคนนอกและให้สมาชิกวุฒิสภา(สว.)มีสิทธิร่วมกับสภาผู้แทนราษฎรในการโหวตเลือกนายกฯคนต่อไป รวมทั้งระบบเลือกตั้งแบบใหม่ที่คะแนนเลือกตั้งทุกคะแนนมีความหมาย ซึ่งจะทำให้พรรคขนาดใหญ่ได้จำนวน สส.ลดลง ขณะที่พรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กจะได้จำนวนสส.เพิ่มขึ้นทำให้การจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งมีแนวโน้มที่จะต้องเป็นรัฐบาลผสมซึ่งจะเปิดโอกาสมากขึ้นสำหรับนายกฯคนนอก

แนวคิดให้มีนายกฯคนนอกทำให้มีการเสนอสูตร “ป๋าเปรมโมเดล” ที่บรรดาพรรคการเมืองเคยสนับสนุน พล.อ.เปรม ให้เป็นผู้นำประเทศยาวนานถึง 8 ปี ในอดีต ทั้งๆ ที่ พล.อ.เปรม ไม่มีฐาน สส.ในสภาผู้แทนราษฎรแม้แต่คนเดียว แต่ด้วยบารมีและลักษณะพิเศษของ พล.อ.เปรม ที่มีสายสัมพันธ์กับคนในแวดวงต่างๆ อย่างกว้างขวางและบุคลิกที่ประนีประนอมแต่ซ่อนความเด็ดขาดจริงจังจนเป็นที่ยอมรับเกรงใจของบรรดาพรรคการเมือง ตลอดจนการรู้จักเลือกใช้คนเข้ามาช่วยงาน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีบุคลิกที่แข็งกร้าวตรงไปตรงมาไม่เคยยอมก้มหัวให้ใครจึงเกรงว่าอาจเป็นอุปสรรคต่อการก้าวสู่นายกฯคนนอกยกเว้นจะมีการปรับท่าทีให้สอดคล้องกับสถานการณ์

แต่จุดแข็งของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือกล้าตัดสินใจทำงานรวดเร็วและได้รับพลังสนับสนุนจากมหาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังศรัทธาซึ่งสะท้อนจากผลการลงประชามติที่ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบเพื่อปฏิรูปประเทศรวมทั้งผลสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ ที่ชี้ว่า ความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเสมอต้นเสมอปลายหลังการยึดอำนาจมานานถึง 3 ปีแล้ว และความเชื่อมั่นของประชาชนชัดเจนถึงขนาดไม่ขัดข้องหาก พล.อ.ประยุทธ์ จะนั่งเก้าอี้นายกฯคนนอก

นอกเหนือจาก “ป๋าเปรมโมเดล” อีกแนวคิดหนึ่งที่มีการโยนหินถามทางหวังปูทางไปสู่นายกฯคนนอกก็คือการตั้งพรรคทหาร อย่างไรก็ตามจากประวัติศาสตร์มีบทเรียนให้เห็นแล้วว่า พรรคทหารไม่เคยประสบความสำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว ซ้ำพรรคร่างทรงทหารอย่างพรรคสามัคคีธรรม ยุครสช. ถูกโจมตีว่าสืบทอดอำนาจจนเป็นชนวนให้พลังประชาชนออกมาต่อต้านนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดพฤษภาทมิฬซึ่งทำลายภาพพจน์กองทัพจนย่อยยับ

แต่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันอาจแตกต่างจากอดีตอยู่บ้างหากมีการตั้งพรรคทหารเพื่อสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯคนนอกเพราะประชาชนส่วนใหญ่เอือมระอานักการเมือง และเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำในการปฏิรูปประเทศต่อไปหลังการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่การมีนายกฯคนนอกอาจไม่ง่ายเหมือนโรยด้วยดอกกุหลาบเพราะถูกตั้งป้อมต่อต้านจาก 2 พรรคใหญ่ คือ เพื่อไทยและประชาธิปัตย์ อีกทั้งการเลือกนายกฯหลังการเลือกตั้งในขั้นตอนแรกเป็นสิทธิของสภาผู้แทนราษฎรที่จะเลือกจากผู้ที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคเสนอพรรคละ 3 รายชื่อ ซึ่งหากเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรหรือ 251 เสียงขึ้นไป เลือกนายกฯจาก 3 รายชื่อ ทุกอย่างก็จบเท่ากับปิดทางนายกฯคนนอก เว้นแต่พรรคการเมืองต่างๆ จะไม่สามารถตกลงประนีประนอมกันได้จึงเปิดช่องทางให้มีการเสนอยกเว้นการเลือกนายกฯจากบัญชี 3 รายชื่อของพรรคการเมืองแล้วเสนอนายกฯคนนอกได้โดยการเลือกนายกฯคนนอกในขั้นตอนที่สองนี้จะมีสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ร่วมลงมติคัดเลือกด้วย

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเส้นทางวิบาก แต่เมื่อสถานการณ์ของชาติบ้านเมืองบังคับและจำเป็นทำให้คาดว่าถึงอย่างไรต้องมีนายกฯคนนอกเพื่อปฏิรูปประเทศช่วงเปลี่ยนผ่านไม่ด้วยวิธีการใดก็วิธีการหนึ่ง โดยแนวโน้มสถานการณ์ที่ต้องจับตาก็คือท่าทีของ 2 พรรคใหญ่ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีความยืดหยุ่นทางการเมืองและน่าจะมีโอกาสเข้ากับคสช.ได้ดีกว่าพรรคเพื่อไทยที่จุดยืนทางการเมืองต่างจากคสช.แทบจะสิ้นเชิง ดังนั้นน่าจับตาพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งอาจเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางนายกฯคนนอกภายใต้สถานการณ์หลังการเลือกตั้ง

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment