ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/233546
วันอาทิตย์ ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
การเข้าอวยพรวันเกิดครบรอบ 96 ปี ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา ของบรรดาบุคคลสำคัญที่คุมรัฏฐาธิปัตย์ของประเทศนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมด้วย คณะรัฐมนตรี ตลอดจนผู้นำเหล่าทัพและตำรวจพร้อมหน้าสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพของรัฏฐาธิปัตย์อย่างไม่เคยมีมาก่อนและบ่งชี้แนวโน้มเส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯคนนอกของพล.อ.ประยุทธ์หลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า เพื่อเดินหน้าภารกิจปฏิรูปประเทศให้สำเร็จไม่ทำให้การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ต้องเสียของมีความชัดเจนมากขึ้น
บรรยากาศงานวันเกิดที่คึกคักอย่างไม่เคยมีมาก่อนและเต็มไปด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสและพลังสะท้อนถึงความเป็นเอกภาพแห่งรัฏฐาธิปัตย์ และสยบข่าวลือต่างๆ นานา โดยเฉพาะความระหองระแหงกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ น้องสามของนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเป็นพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ รวมทั้งข่าวร่ำลือการวัดรอยเท้า “ป๋าเปรม” ของ พล.อ.ประวิตร
ที่สำคัญคือ “ป๋าเปรม” ประกาศอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาว่า พร้อมที่จะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านอันเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่เพื่อแผ่นดินและประชาชนให้สำเร็จ ซึ่งแม้จะไม่ใช่งานง่ายเพราะมีอุปสรรคมากมาย แต่ “ป๋าเปรม” ก็เชื่อในฝีมือของ พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จโดยมีเหล่าทัพต่างๆ ตำรวจ ตลอดจนพลังประชาชนคอยให้การสนับสนุน
ในงานวันเกิดของ “ป๋าเปรม” ครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงเอกภาพในกองทัพที่เป็นปึกแผ่นแน่นแฟ้นเมื่อมีการสลายขั้ว“บูรพาพยัคฆ์” ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีโดย พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก(ผู้ช่วยผบ.ทบ.) ซึ่งเป็นนายทหารที่เติบโตจากศูนย์สงครามพิเศษและอยู่นอกสาย “บูรพาพยัคฆ์” แซงโค้งสุดท้ายได้รับแต่งตั้งเป็นผบ.ทบ. หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบกซึ่งเป็นนายทหารบูรพาพยัคฆ์คนสนิทของ พล.อ.ประวิตร จะได้ขึ้นเป็นผบ.ทบ.
ในช่วงราว 10 ปีที่ผ่านมา นายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ผูกขาดเก้าอี้ผบ.ทบ.มาตลอดจนเกิดกระแสข่าวความอึมครึมในกองทัพ การกล้าและเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจสลายการผูกขาดเก้าอี้ผบ.ทบ.สายบูรพาพยัคฆ์ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีโดยคำนึงถึงสถานการณ์ใหญ่ของประเทศชาติเป็นที่ตั้งแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะความเป็นผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เห็นความจำเป็นในการสร้างความเป็นปึกแผ่นในกองทัพซึ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับภารกิจสำคัญในช่วงการเปลี่ยนผ่านเพื่อการปฏิรูปประเทศ
เมื่อกองทัพเป็นเอกภาพอย่างแท้จริงทำให้เชื่อว่าจากนี้ไปภารกิจในงานด้านความมั่นคงจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งในเรื่องการข่าว ภารกิจปฏิบัติการทางลับซึ่ง ผบ.ทบ.คนใหม่มีความเชี่ยวชาญ รวมทั้งการเป็นหลักประกันในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ รวมทั้งเส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯคนนอกของ พล.อ.ประยุทธ์
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ มีแนวโน้มต้องนั่งเก้าอี้นายกฯคนนอกซึ่งสัญญาณบ่งชี้ก็คือ บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงที่ผ่านความเห็นชอบจากการทำประชามติของมหาชนเสียงส่วนใหญ่ด้วยการเปิดช่องให้มีนายกฯคนนอกและให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มีสิทธิร่วมกับสภาผู้แทนราษฏรในการโหวตเลือกนายกฯคนต่อไป
นอกจากนี้ต้องจับตา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองซึ่งอาจจะกำหนดให้ทุกพรรคการเมืองต้องนับหนึ่งใหม่ในการรับสมาชิกพรรคซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
เปิดช่องให้บรรดาอดีตสส.ย้ายสังกัดพรรคได้ ขณะเดียวกันต้องจับตาพรรคการเมืองใหม่ที่จะรองรับนายกฯคนนอก ซึ่งก่อนหน้านี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสว.และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เปิดตัวตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป และประกาศจุดยืนชัดเจนหนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ
สำหรับพรรคประชาชนปฏิรูปเชื่อว่าเมื่อพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองประกาศใช้จะเห็นโฉมหน้าบุคคลสำคัญเข้าร่วมพรรคนี้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคซึ่งคาดว่าจะต้องเป็นบุคคลสำคัญที่มีบารมีไม่ธรรมดาแน่นอนเพื่อดึงดูดอดีตสส.พรรคต่างๆ ให้มาร่วมสังกัด
เมื่อรวมกับสว. 250 คน ซึ่งมาจากการสรรหาของคสช.ที่จะกลายเป็นพรรคที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ยังไม่รวมพรรคขนาดกลางบางพรรคที่มีแนวโน้มว่าพร้อมจะร่วมหัวจมท้ายกับ คสช.ทำให้หนทางสู่เก้าอี้นายกฯคนนอกของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะไม่ง่าย แต่ก็เชื่อว่าในที่สุดต้องเกิดขี้นจนได้
ส่วนสองพรรคใหญ่คือเพื่อไทยและประชาธิปัตย์นั้นด้วยระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ รวมทั้งข้อกำหนดให้พรรคการเมืองรับจดทะเบียนสมาชิกใหม่คาดว่าจะทำให้พรรคใหญ่ทั้งสองมีจำนวน สส.ลดลงพอสมควร
แต่ที่สำคัญคือพลังมหาชนที่เอือมระอานักการเมืองและฝากความหวังเทใจสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ อย่างล้มหลามซึ่งสะท้อนจากผลการลงประชามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง รวมทั้งผลสำรวจของโพลล์นำนักต่างๆ ล่าสุดที่ชี้ว่าประชาชนยังศรัทธาหัวหน้าคณะรัฐประหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่ในอำนาจมานานถึง 3 ปีแล้ว ทั้งนี้ ประชาชนต้องการให้เดินหน้าปฏิรูปประเทศไม่ให้จมปลักอยู่ในวังวนของวงจรอุบาทว์ที่สร้างความบอบช้ำอย่าหนักให้ประเทศเหมือนที่ผ่านมา
เพราะฉะนั้นด้วยหลายปัจจัยที่เอื้อดังกล่าวข้างต้นทำให้คาดว่า ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พ้นต้องเป็นนายกฯคนนอกภายใต้กลไกประชาธิปไตยแบบครึ่งใบเพื่อวางรากฐานประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านโดยอนาคตประเทศจะไม่มีที่ยืนสำหรับกลุ่มธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอีกต่อไป
ทีมข่าวการเมือง
