ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/237971
วันเสาร์ ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ผลพวงจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงที่ออกมาถือเป็นการเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีโอกาสนั่งนายกฯคนนอกอีก 8 ปีหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า
ทั้งนี้ สาระสำคัญตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข มาตรา 272ในบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญ 2 ประเด็น คือ ในกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ในการประชุมวาระแรกให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งมาจากการสรรหาโดยคสช. มีสิทธิที่จะร่วมกับสภาผู้แทนราษฎรในการเข้าชื่อเสนอขอยกเว้นการเสนอชื่อนายกฯจากบัญชีซึ่งบรรดาพรรคการเมืองเสนอ 3 รายชื่อ ซึ่งก็คือสามารถเสนอชื่อนายกฯคนนอกได้ โดยการเข้าชื่อขอยกเว้นให้ใช้เสียงของ สส.และสว. (สส.มี 500 คน-สว.มี 250 คน) รวมกันต้องมากกว่ากึ่งหนึ่งหรือมากกว่า 376 เสียงขึ้นไป จากเดิมที่กำหนดให้ใช้เฉพาะเสียงของสส.มากกว่ากึ่งหนึ่งหรือมากกว่า 251 เสียงเท่านั้น
ผลพวงจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเท่ากับเพิ่มโอกาสให้มีนายกฯคนนอก จากการเปิดโอกาสให้สว.ร่วมเข้าชื่อขอยกเว้นการเสนอชื่อนายกฯจากบัญชีพรรคการเมือง ซึ่งเฉพาะสว.ที่สรรหาโดยคสช.ก็ปาเข้าไป 250 เสียงแล้ว หากมีพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กรวมตัวกันร่วมเข้าชื่อกับสว. ขอให้ยกเว้นการเสนอนายกฯตามบัญชีพรรคการเมืองเท่ากับโอกาสที่จะมีนายกฯคนนอกเป็นไปได้สูงมาก
พรรคใหญ่ซึ่งมีจุดยืนแสดงตัวเป็นศัตรูของคสช.ตลอดกาลและต่อต้านนายกฯคนนอกหัวชนฝาอย่างชัดเจนก็คือพรรคเพื่อแม้ว ส่วนพรรคใหญ่อันดับสอง อย่างพรรคประชาธิปัตย์นั้น มีจุดยืนและเป็นคู่แข่งตลอดกาลของพรรคเพื่อแม้ว ดังนั้นไม่แน่หากสถานการณ์จำเป็นบังคับ หรือถึงทางตันมีความเป็นไปได้ที่ประชาธิปัตย์อาจร่วมเข้าชื่อเพื่อเปิดทางให้มีนายกฯคนนอก
อย่างไรก็ตาม แม้กติกาใหม่จะเปิดทางให้สว.ร่วมกับสส.เข้าชื่อขอให้ยกเว้นการตั้งนายกฯจากบัญชีพรรคการเมือง แต่การลงมติเพื่อขอยกเว้นดังกล่าวต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของทั้งสองสภาหรือมากกว่า 500 เสียง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน โดยเฉพาะหาก 2 พรรคใหญ่ คือ เพื่อแม้วจับมือกับประชาธิปัตย์ เว้นแต่พรรคเพื่อแม้วจะได้จำนวน สส. หลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าลดฮวบลงอย่างมาก ขณะที่สว. 250 เสียง รวมทั้งพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก และอาจรวมถึงประชาธิปัตย์จับมือกันเปิดทางให้มีนายกฯคนนอก
นอกจากนี้อุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับการมีนายกฯคนนอกก็คือ รัฐธรรมนูญกำหนดให้วาระแรกของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สภาผู้แทนราษฎรเท่านั้นที่มีสิทธิเลือกนายกฯจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งหากบรรดาพรรคการเมืองพร้อมใจกันโดยตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ลงตัวในการจัดตั้งรัฐบาลผสมโดยเฉพาะสองพรรคใหญ่ คือ เพื่อแม้ว กับประชาธิปัตย์ หนทางสู่นายกฯคนนอกก็คงไม่เกิด เว้นแต่บรรดาพรรคการเมืองจะตกลงกันไม่ได้จึงเปิดช่องเข้าสู่ขั้นตอนการมีนายกฯคนนอกตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ
ส่วนอีกประเด็นหนึ่งจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็คือวาระการดำรงตำแหน่งของสว.ที่กำหนดไว้ 5 ปี ให้เริ่มนับเมื่อมีทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาแล้ว ซึ่งการที่สว.มีวาระอยู่ในตำแหน่ง 5 ปี เท่ากับเปิดทางให้สว.มีสิทธิในการร่วมขบวนการสรรหานายกฯได้ตามอายุของสภาผู้แทนราษฎร 2 สมัย หรือ 8 ปีเพราะสภาผู้แทนราษฎรมีวาระเพียง 4 ปี ก็ต้องเลือกตั้งและมีการสรรหานายกฯคนใหม่ แต่สว.มีอายุ 5 ปี มากกว่าสภาผู้แทนราษฎร
ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ถึงบอกเป็นนัยว่ามีความเป็นไปได้ที่นายกฯคนนอกอาจอยู่ในตำแหน่งได้นาน 8 ปี
แต่นั่นหมายถึงต้องเป็นบุคคลที่มีบารมีเป็นที่ยอมรับอย่างแท้จริงเท่านั้นถึงจะอยู่ได้อึด
จากผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เพิ่มโอกาสให้มีนายกฯคนนอกจึงไม่แปลกที่ นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรมว.ยุติธรรม แกนนำพรรคเพื่อแม้ว ซึ่งเป็นศัตรูกับคสช. จะออกมาดักทางต่อต้านนายกฯคนนอก ด้วยการให้ความเห็นอ้างว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงการลงมติขอยกเว้นการเสนอชื่อนายกฯจากบัญชีของพรรคการเมืองที่เดิมกำหนดให้ใช้เสียง 2 ใน 3 ของรัฐสภา แต่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้ใช้เสียงเหลือเพียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภาเท่านั้นเท่ากับเปิดโอกาสที่จะได้นายกฯคนนอกสูงขึ้น
นอกจากนี้การกำหนดให้สว.อยู่ในอำนาจต่อเนื่อง 5 ปี แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงหรือต้องยุบสภาก็ตามเท่ากับเปิดช่องให้นายกฯคนนอกมีโอกาสอยู่ได้ยาวถึง 2 สมัย ของสภาผู้แทนราษฎร หรือ 8 ปี และหากนับรวมช่วงเตรียมการเลือกตั้งด้วยเท่ากับนายกฯคนนอกอยู่ในอำนาจยาวนานถึง 10 ปี
“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกออกแบบให้ไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งได้เสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด เชื่อว่าพรรคใหญ่สองพรรคในปัจจุบันจะไม่สามารถจับมือกันตั้งรัฐบาล ดังนั้นโอกาสที่จะมีนายกฯคนนอกจึงเป็นไปได้สูง และเป็นไปได้ที่พรรคขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีสายสัมพันธ์กับทหารจะจับมือกันตั้งรัฐบาลโดยมีนายกฯคนนอก”
นายชัยเกษม ยังตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมีการผลักดันให้มีนายกฯคนนอกได้สำเร็จ แต่การบริหารประเทศก็คงไม่ราบรื่นเพราะการออกกฎหมายหรือการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องอาศัยเสียงของ สส. เท่านั้น
ทั้งนี้ นายกฯคนนอกจะเกิดขึ้นหรือไม่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญคือพลังมหาชนผู้เป็นเสียงสวรรค์ และผลการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า จะออกมาอย่างไร ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดอนาคตของประเทศว่าจะเดินไปข้างหน้าเพื่อปฏิรูปประเทศหรือจะย่ำอยู่กับวงจรอุบาทว์ธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมแบบเดิมๆ
ทีมข่าวการเมือง
