อย่าอ้างอุดมการณ์บริสุทธิ์6ตุลาฯบังหน้า ใช้เป็นเครื่องมือปลุกระดมป่วนเมือง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/239088

วันเสาร์ ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

การจัดพิธีรำลึกครบรอบ 40 ปีโศกนาฏกรรมสังหารหมู่นักศึกษาที่ชุมนุมกันอย่างสงบภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่างโหดเหี้ยมในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 โดยสถาบันการศึกษาไม่ว่าจะเป็น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์หรือการทำพิธีรำลึกโดยบรรดาญาติและผู้อยู่ในเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดครั้งนั้นถือเป็นสิทธิเสรีภาพและสมควรอย่างยิ่งที่มีการเรียกร้องให้ชำระประวัติศาสตร์เหตุการณ์ในอดีตเพื่อเป็นบทเรียนอุทาหรณ์เตือนสติไม่ให้รัฐใช้อำนาจเผด็จการไปในทางชั่วร้ายเข่นฆ่านักศึกษาประชาชนด้วยวิธีการอันโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ซึ่งแม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาแล้ว 40 ปี แต่เชื่อว่าบาปกรรมจากการกระทำอันชั่วร้ายของผู้ที่เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมสังหารหมู่ครั้งนั้นจะเป็นตราบาปตามหลอกหลอนอยู่ในใจผู้กระทำไปจวบจนวันตายและคงต้องไปใช้กรรมในอเวจี อย่างไรก็ตามวาระครบรอบประวัติศาสตร์การต่อสู้และเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของนักศึกษาในประวัติศาสตร์ 6 ตุลาฯ 2519 ไม่ควรถูกคนบางกลุ่มฉวยโอกาสใช้เป็นเครื่องมือปลุกระดมโดยมีเจตนาทางการเมืองอันเลวร้ายบางอย่างแอบแฝง

การที่นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯนำโดยนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตรัฐศาสตร์ชั้นปีที่ 1 ซึ่งพยายามเชิญ นายโจชัว หว่อง นักศึกษาฮ่องกงวัย 19 ปี ซึ่งเป็นแกนนำต่อต้านรัฐบาลจีน เดินทางมาร่วมเสวนาในงาน 6 ตุลาฯ แต่ถูกทางการไทยส่งกลับฮ่องกงเสียก่อน กระนั้นก็ตาม นายโจชัว หว่อง ก็ยังเดินหน้าป่วนด้วยการสไกป์มายังเวทีเสวนาที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯปลุกระดมนักศึกษาไทยให้ลุกขึ้นต่อสู้เผด็จการเหมือนต้องการกระทบชิ่งไปยังอำนาจรัฐไทยปัจจุบันตามแผนการของขบวนการชักศึกเข้าบ้านของไทย

การจุดกระแสหวังให้ นายโจชัว หว่อง ร่วมป่วนการเมืองของไทยโดยอาศัยวาระครบรอบ 40 ปี 6 ตุลาฯบังหน้านั้นถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการจัดตั้งและทำอย่างเป็นขบวนการโดยมีคนวางแผนชักใยอยู่เบื้องหลังโดยใช้ นายเนติวิทย์และ นายโจชัว หว่อง เป็นเครื่องมือ ซึ่งเห็นได้ว่ามีการเคลื่อนไหวอย่างสอดรับกันอย่างเป็นระบบทั้งนักวิชาการและนักศึกษาสายเสื้อแดงบางกลุ่มและที่สำคัญคือการจัดฉากออกมาเคลื่อนไหวชิงพื้นที่ข่าวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ซึ่งออกมาโฆษณาชวนเชื่อส่อเจตนาปลุกระดมสร้างกระแสต่อต้านอำนาจรัฐไทยที่นครลอสแองเจลิสสหรัฐอเมริกาในช่วงจังหวะวันเดียวกัน

การอาศัย นายโจชัวหว่อง เป็นเครื่องมือเคลื่อนไหวทั้งๆ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลาฯเลยแม้แต่น้อยเป็นแผนที่มีเป้าหมายยิงกระสุนนัดเดียวได้นกถึงสามตัวในเวลาเดียวกันกล่าวคือประการแรก เป็นการดิสเครดิตบ่อนทำลายความชอบธรรมทางการไทยภายใต้อำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ว่าใช้อำนาจเผด็จการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพการแสดงความเห็นเชิงวิชาการด้วยการห้าม นายโจชัว หว่อง เข้าประเทศตามคำขอของทางการจีน ประการที่สอง เป็นการประจานบ่อนทำลายภาพพจน์ของทางการจีนที่ใช้อิทธิพลเหนือทางการไทยเพื่อไม่ให้ นายโจชัว หว่องแสดงความคิดเห็นประการที่สาม เป็นการอาศัยนักศึกษา 2 คนคือนายเนติวิทย์ และนายโจชัว หว่อง เป็นเครื่องมือปลุกระดมนักศึกษาคนรุ่นใหม่ให้เกิดกระแสต่อต้านเผด็จการทหาร

อีกความเคลื่อนไหวหนึ่งที่มีการตั้งข้อสังเกตก็คือการกล่าวรำลึกครบรอบ 40 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลาฯของ นายสุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ อดีตกรรมการสายผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ยุครัฐบาลระบอบทักษิณที่พยายามเรียกร้องให้ทหารถอยออกไปอย่ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาทางการเมือง ซึ่งความเห็นของ นายสุรชาติ ด้านหนึ่งเป็นหลักการที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย

แต่ในอีกด้านหนึ่งที่ นายสุรชาติ ไม่พูดถึงก็คือการที่ทหารก่อรัฐประหารหรือเกิดคสช.ในวันนี้ต้นเหตุที่แท้จริงเกิดจากการที่ทหารเข้ามายึดอำนาจเพื่อตัวเองหรือเพราะพฤติกรรมชั่วร้ายเน่าเฟะเหลวแหลกของธุรกิจการเมืองทุนสามานย์เผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น ซื้อเสียง ซื้ออำนาจรัฐ ซื้อประชาธิปไตย ซื้อประเทศ และใช้อำนาจในทางชั่วร้ายอย่างย่ามใจจนนำพาประเทศไปสู่ทางตันกลายเป็นรัฐล้มเหลวที่ไม่สามารถเดินหน้าได้อีกต่อไปทำให้คสช.จำเป็นต้องเข้ามากอบกู้สถานการณ์ก่อนที่ชาติจะพินาศล่มจมทั้งจากภาวะรัฐล้มเหลวและสงครามกลางเมืองจากการแสดงพลังขับไล่รัฐบาลธุรกิจการเมืองของพลังมวลมหาประชาชน

เพราะฉะนั้นหากจะแก้ปัญหาการรัฐประหารที่รากเหง้าต้นเหตุโดยเฉพาะจากช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจำเป็นต้องมีการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่อย่างจริงจัง ด้วยการกำหนดกติกาที่เฉียบขาดรุนแรงเพื่อขจัดธุรกิจการเมืองทุนสามานย์เผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมไม่ให้มีโอกาสเข้ามีอำนาจบริหารชาติบ้านเมือง ซึ่งหากนักการเมืองอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาลก็ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ที่ทหารจะมีข้ออ้างในการเข้ามาล้มกระดาน แต่ทุกวันนี้กลับตรงกันข้ามเพราะมหาชนส่วนใหญ่ล้วนศรัทธาเชื่อถือในทหารมากกว่านักการเมือง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเอือมระอาเต็มทีกับธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมแบบเดิมๆ ที่เป็นต้นเหตุของวงจรอุบาทว์ซ้ำซาก

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment