ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 20 มิ.ย. 2559 18:15
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/642601

วันที่ 20 มิ.ย.59 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เผยภายหลังการเชิญคณะทูตานุทูตกว่า 30 ประเทศ ศึกษาดูงานคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหารของไทย ด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ ว่า การเชิญคณะทูตานุทูตในครั้งนี้ นอกจากสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาประเทศแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสให้ไทยเราสามารถขยายการค้า การส่งออกผลไม้ชนิดอื่นๆ ได้มากขึ้น ทั้งในประเทศที่ส่งออกแล้ว กับประเทศที่อยู่ในระหว่างการเจรจา ถึงระบบการผลิต การจัดการ ดูแล ตั้งแต่ต้นน้ำทั้งระบบการจัดการสวนผลไม้คุณภาพ มีการกำกับดูแลตามมาตรฐาน GMP รวมทั้งสินค้าปศุสัตว์แปรรูปไก่ปรุงสุก และอาหารทะเลสินค้าประมงต่าง ๆ ที่มีระบบการผลิต GAP ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

คณะทูตานุทูตกว่า 30 ประเทศ ศึกษาดูงานคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหารของไทย
“การไปพาคณะทูตานุทูต ไปชิมผลไม้ถึงสวน และสังเกตดูไลน์การผลิตสินค้าแปรรูปในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย เอกอัครราชทูต อุปทูต 14 คน และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต (อัครราชทูตที่ปรึกษา/ เลขานุการเอก) 18 คน รวม 32 คน จาก 27 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย เวียดนาม เป็นต้น ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศนำเข้ารายใหญ่ ขณะที่กลุ่มประเทศตลาดใหม่ ได้แก่ รัสเซีย บราซิล กลุ่มประเทศแอฟริกา กลุ่มประเทศอเมริกาใต้ กลุ่มประเทศเอเชียใต้ ซึ่งกระทรวงฯในฐานะดูแลด้านการเกษตรของประเทศโดยตรง หวังว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยขยายตลาดส่งออกของสินค้าเกษตรไทยในอนาคต เพราะทุกวันนี้โลกโซเชียลมีอิทธิพลและเคลื่อนไหวเร็วมาก แค่เพียงคำพูดปากต่อปาก การแชร์ภาพส่งต่อ ถือว่าเป็นความสำเร็จในการรุกตลาดไปอีกขั้น”
ทั้งนี้ คณะทูตานุทูต ที่ร่วมเดินทางในครั้ง ต่างเอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกยินดีและดีใจเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสชิมผลไม้และอาหารแปรรูปถึงแหล่งผลิต และยอมรับว่าผลไม้และ อาหารแปรรูปของไทย ถือว่ามีคุณภาพไม่เป็นสองรองใคร

มร.เหวียน ตัด ถั่น (H.E. Mr. Nguyen Tat Thanh) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย หนึ่งในคณะทูตจากประเทศเวียดนาม เผยว่า ประเทศเวียดนามยังขาดประสบการณ์ด้านการแปรรูป โดยเฉพาะในเรื่องขั้นตอนมาตรการรับรองการส่งออก ที่ยังต้องเรียนรู้เรื่องดังกล่าวจากไทย และจากการสังเกตเฝ้าติดตามการเพาะปลูกข้าว วันนี้ยอมรับว่าข้าวไทยมีคุณภาพมาตรฐาน โดยที่เวียดนามยังต้องศึกษากระบวนการเพาะปลูกข้าวจากไทยอีกหลายๆ เพราะอาหารการกินไทย กับเวียดนามต้องยอมรับว่าวันนี้มีความคล้ายคลึงกัน
ขณะที่ มร.เรย์ แซนเทลล่า ผู้ช่วยที่ปรึกษาฝ่ายการเกษตร กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา สถานทูตอเมริกา ประจำประเทศไทย บอกว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญมาทริปนี้ การที่รัฐบาลไทยผลักดันคุณภาพกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร และให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยอาหารนับเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะทุกวันนี้แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าเพียงใด แต่ผู้ที่ตัดสินใจว่าใช่หรือไม่คือผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง โดยเฉพาะสินค้าแปรรูปปศุสัตว์ วันนี้ยอมรับว่าไทยมีเทคโนโลยีแปรรูปที่ปลอดภัย มีความทันสมัยมากๆ ส่งผลให้สินค้าที่ออกสู่ตลาดได้มาตรฐาน นานาประเทศให้การยอมรับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลมีการศึกษา รวบรวมข้อมูล และเน้นผู้บริโภคเป็นหลัก
ด้าน มร.คีริลล์ มีไฮโลวิช บาร์สกี (H.E. Mr. Kirill Mikhailovich Barsky) เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย สถานทูตรัสเซีย บอกว่า การร่วมทริปครั้งนี้ ทำให้ได้มีโอกาสมาเห็นมาตรฐานสินค้าเกษตร โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตสินค้า และไม่ใช่ครั้งแรกที่เข้ามาเยี่ยมชมที่ผ่านมามีโอกาสไปดูโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ที่นครราชสีมาทั้งของ ซีพี ดูและวิทยาศาสตร์ ของ บ.เบทาโกร ทำให้รู้สึกได้ว่าสินค้าไทยมีมาตรฐานการผลิต จึงไม่แปลกใจว่าวันนี้สินค้าเกษตรไทยจึงมีสถิติการส่งออกที่ค่อนข้างมาก ซึ่งวันนี้รัสเซียเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่มาก มีประชากรประมาณ 145 ล้านคน ถ้ารวมในเครือรัสเซียเก่า คาซัคสถาน จะมีประชากรประมาณ 185 ล้านคน

ดังนั้น ตลาดจึงกว้าง ประชากรมีความต้องการสินค้าอุปโภคแตกต่างกันไป โดยก่อนหน้านี้ ซีพี กรุ๊ป ได้เข้าไปทำธุรกิจกับรัสเซียมานานกว่า 10 ปี มีการเข้าไปทำฟาร์มไก่ ฟาร์มหมู โรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ที่รัสเซีย เพื่อผลิตสินค้าแปรรูปสำหรับส่งไปขายทั่วประเทศ และเมื่อเร็วๆ นี้ นายกรัฐมนตรีไทยได้เดินทางไปรัสเซีย เพื่อทำ MOU ร่วมกันมีมูลค่าโดยรวม 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามประเทศรัสเซียยินดีต้อนรับนักธุรกิจไทยที่ต้องการค้าขายกับรัสเซีย และยินดีต้อนรับนักลงทุนไทย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใดๆ ก็ตาม โดยสามารถขอคำแนะนำเรื่องการลงทุนกับทางสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย