ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/247104
วันพฤหัสบดี ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

เท่าที่ดูรูปการณ์เชื่อว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ภายใต้การนำทีมของ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงษ์เมือง อธิบดีกรมดีเอสไอ โดยมี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมเป็นแบ๊กอัพเต็มที่ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ที่มี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) รับผิดชอบกำลังวางแผนปฏิบัติการจัดกร “ธัมมชโย” ด้วยมาตรการจากเบาไปหาหนักเพิ่มความเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจากปฏิบัติการด้านจิตวิทยาสร้างข่าวกดดันให้ยอมมอบตัวแต่โดยดี แต่ขณะเดียวกัน ก็เตรียมแผนรุกฆาต หากยังดื้อแพ่งทำตัวอยู่เหนือกฎหมายก็จำเป็นต้องใช้ไม้แข็งนั่นคือขออำนาจศาลออกหมายค้นเพื่อจับตัว “ธัมมชโย” ที่คาดว่ายังหลบกบดานอยู่ภายในสำนักจานบิน
การที่ “ธัมมชโย” ดื้อแพ่งไม่ยอมมอบตัวอาจเพราะยังมั่นใจถือดีในอิทธิพลของสำนักจานบินที่ใหญ่คับประเทศมานานเพราะนอกจากมีทรัพย์สินมหาศาลและสาวกทั่วประเทศจำนวนมากตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับคนใหญ่คนโตระดับชาติ แต่ปัจจุบันสาวกสำนักจานบินคงร่อยหรอลงเยอะหลังเกิดข่าวอื้อฉาวทำให้เหล่าสาวกจำนวนไม่น้อยที่เริ่มตาสว่าง ความเชื่อมั่นในอิทธิพลของตัวเองของ “ธัมมชโย” ยังอาจรวมถึงเหล่าในเครือข่ายทาสรับใช้ในคราบผ้าเหลืองที่ครอบคลุมอาณาจักรสงฆ์ทั่วประเทศ โดยเฉพาะองค์กรสงฆ์สูงสุดคือมหาเถรสมาคม(มส.)ที่มีสมเด็จช่วง แห่งวัดปากน้ำ ผู้ทำหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชและเป็นอาจารย์ของ “ธัมมชโย” เป็นประธาน ซึ่งที่ผ่านมา มส.ถูกตั้งข้อสังเกตว่าคอยปกป้องช่วยเหลือ “ธัมมชโย” ให้รอดพ้นจากการถูกลงโทษ มาตลอด
นอกจากนี้การที่ “ธัมมชโย” ไม่ยอมมอบตัวเพราะย่อมรู้แก่ใจตัวเองดีว่าทำผิดจริงถึงสู้คดียังไงก็ยากพ้นโทษความผิด รวมถึงกลัวถูกจับได้ว่าลวงโลกกรณีที่ก่อนหน้านี้อ้างว่าป่วยเพื่อหนีหมายจับทั้งๆ ที่ไม่ได้ป่วยจริง ซึ่งเล่ห์อ้างว่าป่วย “ธัมมชโย” เคยใช้มาแล้วเมื่อครั้งถูกออกหมายจับฐานยักยอกเงินวัดเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
ท่าทีมั่นใจในอิทธิพลของสำนักจานบินสะท้อนจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ รักษาการผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) นำหนังสือแจ้งให้ “ธัมมชโย” เข้ามอบตัวไปยังสำนักจานบินฐานบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติหลายร้อยไร่สร้างสาขาสำนักจานบินที่สวนป่าหิมวันต์ อ.ภูเรือ จ.เลย และศูนย์ปฏิบัติธรรมกรีนพีซวัลเล่ย์ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ปรากฏว่ายามสำนักจานบินไม่ยอมให้ พล.ต.ต.วรพงษ์ เข้าไปภายในสำนักจานบินแม้แต่ก้าวเดียว อันแสดงถึงความกร่างอหังการแม้แต่ระดับยามที่ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นถึงนายตำรวจระดับนายพล ทำให้นายตำรวจระดับนายพลผู้นี้ต้องนำหนังสือติดไว้ที่ประตูโดยหนังสือระบุให้ ธัมมชโย มอบตัวภายในวันที่ 2 ธ.ค. หากไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ขณะที่ดีเอสไอและสตช.เดินแผนกดดันให้ “ธัมมชโย”มอบตัวแต่โดยดีเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายโดยเปิดช่องทางออกด้วยเงื่อนไขว่า หากยอมมอบตัวก็จะได้ประกันตัวทันที
แต่หากดื้อดึงจนเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับก็เป็นคนละเรื่องเพราะถ้า “ธัมมชโย” ดื้อแพ่งไม่ยอมมอบตัวตั้งแต่แรกแล้วถูกจับต้องนำตัวเข้าห้องขัง ซึ่งกฎหมายห้ามนำพระเข้าห้องขังดังนั้น ต้องจับสึกก่อนเข้าคุก ขณะเดียวกัน ดีเอสไอและสตช.ก็เดินแผนคู่ขนานซึ่งเป็นทีเด็ดและเจ็บแสบแบบย้อนศรใช้พระจับพระ โดยมีการทำหนังสือไปถึงพระชั้นผู้ใหญ่ทั้งเจ้าคณะใหญ่หนกลาง พระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) แห่งวัดพิชยญาติการาม และ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต รวมทั้งสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เพื่อนิมนต์พระผู้ใหญ่ให้มานำหน้ากำลังของดีเอสไอและฝ่ายตำรวจหากต้องเข้าจับกุม “ธัมมชโย” เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่นไร้ความรุนแรงจนลุกลามบานปลาย
ที่ผ่านมาปฏิบัติการของดีเอสไอเพื่อเข้าควบคุมตัว “ธัมมชโย” ตามหมายจับครั้งที่แล้วได้พยายามประสานไปยังมหาเถรสมาคมเพื่อให้ช่วยเกลี้ยกล่อม“ธัมมชโย” ยอมมอบตัวแต่โดยดี แต่มหาเถรสมาคมกลับอิดเอื้อนโยนกลองให้เจ้าคณะใหญ่หนกลางและเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีรับผิดชอบและเมื่อดีเอสไอส่งตัวแทนเข้าพบหารือกับเจ้าคณะใหญ่หนกลางและเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พระผู้ใหญ่ทั้งสองก็ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆอย่างจริงจังเหมือนต้องการประวิงเวลาไปเรื่อยๆ
การนิมนต์พระผู้ใหญ่ทั้งสองมานำทัพกองกำลังดีเอสไอและฝ่ายตำรวจครั้งนี้จึงถือเป็นไม้เด็ดแบบเกลือจิ้มเกลือเพราะนอกจากเป็นการการันตีความชอบธรรมในปฏิบัติการของฝ่ายเจ้าหน้าที่โดยมีพระชั้นผู้ใหญ่เป็นสักขีพยานแล้ว ยังเป็นการปรามและสกัดไม่ให้เหล่าสาวกสำนักจานบินตั้งกำแพงมนุษย์เป็นเกราะคุ้มกัน “ธัมมชโย”
นอกจากนี้อีกแผนทีเด็ดก็คือสัญญาณจาก พ.ต.อ.ไพสิฐ ที่ประกาศชัดเจนว่า หาก “ธัมมชโย” ไม่ยอมมอบตัวแล้วฝ่ายเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปจับกุมตัวได้ภายในสำนักจานบิน พระเผด็จทัตตชีโว ซึ่งปัจจุบันรักษาการเจ้าอาวาสสำนักจานบินต้องถูกดำเนินคดีตามความผิดมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญาฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมาตรา 89 ฐานให้การช่วยเหลือผู้กระทำผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำผิดด้วยการให้ที่พำนักซ่อนเร้นโดยช่วยให้ผู้ต้องหาไม่ถูกจับกุม
สำหรับปูมหลัง พระเผด็จทัตตชีโว ผู้นี้คือรุ่นพี่ของ “ธัมมชโย” หรือ นายไชยบูลย์ สิทธิผล เมื่อครั้งเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย “ธัมมชโย” ได้ชักชวนรุ่นพี่ซึ่งเหมือนเพื่อนซี้มาร่วมก่อตั้งสำนักจานบินโดยเริ่มแรกทั้งสองต่างเป็นพระลูกวัดธรรมดา แต่ต่อมาก็ผลักดันตัวเองจน“ธัมมชโย” ได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนัก
เพราะฉะนั้นงานนี้คงต้องดูว่าแผนย้อนศรเกลือจิ้มเกลือของดีเอสไอและสตช.จะได้ผลหรือไม่ แต่ที่ต้องจับตาและต้องระวังสำหรับฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็คือคนจนตรอกเลือดเข้าตาพร้อมที่จะสู้แบบบ้าระห่ำพร้อมทำได้ทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดโดยไม่คำนึงถึงความหายนะของส่วนรวมที่จะตามมา
ทีมข่าวการเมือง