ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/248647
วันพุธ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

สังคมกำลังจับตาลุ้นระทึกหลังจากที่มีข่าวว่าศาลได้อนุมัติหมายค้นสำนักจานบินเพื่อจับธัมมชโยตามการร้องขอของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)โดยกำหนดระยะเวลาให้อำนาจตรวจค้น 4 วัน ระหว่างวันที่ 13-16 ธ.ค.นี้ ซี่งนั่นหมายความว่าแผนปฏิบัติการการบุกจับธัมมชโยเริ่มนับถอยหลังจะต้องเกิดขึ้นไม่วันใดวันหนึ่งในดีเดย์ 4 วันนี้
จากการเปิดเผยของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ซึ่งเป็นแม่ทัพฝ่ายตำรวจในการร่วมมือกับดีเอสไอเพื่อปฏิบัติการบุกจับ ธัมมชโย ครั้งนี้ระบุว่าจะมีการใช้แผน “กรกฎ52”
หลายคนอาจสงสัยว่าแผน “กรกฎ52” คืออะไรจึงขอทบทวนขั้นตอนแผนปฏิบัติการเพื่อรักษาความสงบสำหรับเป้าหมายซึ่งเป็นฝูงชนจำนวนมากโดยกำหนดไว้เป็น 4 ขั้นตอน คือ
ขั้นตอนที่ 1 ขั้นเตรียมการ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการด้านการข่าวอย่างต่อเนื่องและแม่นยำชัดเจนเพื่อให้การปฏิบัติตามแผนมีประสิทธิภาพ ต้องจัดเตรียมกำลังและอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งการส่งกำลังบำรุง และการตั้งหน่วยเฉพาะกิจเพื่อสนับสนุนตามแผน นอกจากนี้ยังต้องเตรียมสถานที่ควบคุมและสอบสวนฝูงชน รวมทั้งการปฏิบัติการด้านประชาสัมพันธ์และจิตวิทยามวลชนทุกรูปแบบเพื่อเป็นการป้องปรามและชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบธรรมของฝ่ายที่ก่อความไม่สงบ ขณะเดียวกันสร้างภาพความชอบธรรมให้กับฝ่ายเจ้าหน้าที่
ขั้นตอนที่ 2 ขั้นเผชิญเหตุ เมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นให้หน่วยงานรับผิดชอบในพื้นที่จัดกำลังตำรวจในพื้นที่เข้าระงับเหตุเบื้องต้น ขณะเดียวกันกันพื้นที่จุดที่เกิดความไม่สงบแยกออกจากพื้นที่ทั่วไปและกันประชาชนให้อยู่ห่างจุดเกิดความไม่สงบเพื่อความปลอดภัยและสะดวกต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกันพยายามใช้การเจรจาต่อรองโดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ขณะเดียวกันเร่งสืบสวนข้อเท็จจริงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งข้อมูล ภาพถ่ายให้ละเอียดชัดเจนมากที่สุดเพื่อการดำเนินคดีและการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริง รวมทั้งพยายามย้ำให้เห็นถึงอัตราโทษหากมีการทำผิดกฎหมายเพื่อเตือนสติผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งหากยังไม่เชื่อฟังก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย อาทิ ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ขั้นตอนที่ 3 ใช้กำลังเข้าคลี่คลายสถานการณ์ เมื่อการเจรจาเพื่อคลี่คลายไม่ได้ผลและสถานการณ์กลับทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นถึงขั้นอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและทางราชการหรือเกิดเหตุการณ์รุนแรงที่ส่อลุกลามบานปลาย ให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์พิจารณาสั่งใช้กำลังเข้าแก้ไขสถานการณ์ได้ ทั้งนี้การใช้กำลังเข้าแก้ไขสถานการณ์ให้เป็นไปตามสมควรแก่เหตุและกฎเกณฑ์การใช้กำลังอย่างมีลำดับขั้นตอนตามหลักสากล โดยมีขั้นตอน คือ 1.การแสดงกำลังของตำรวจ 2.การใช้คำสั่งเตือน 3.การใช้มือเปล่าเข้าจับกุมผู้ทำผิดกฎหมาย 4.การใช้มือเปล่าจับล็อกบังคับ 5.การใช้เครื่องพันธนาการหรือปืนยิงตาข่าย 6.การใช้คลื่นเสียงแรงสูง 7.การใช้น้ำฉีด 8.ใช้อุปกรณ์เคมี อาทิ แก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไทย 9.ใช้กระบองหรืออุปกรณ์ที่ใช้ตี 10.อาวุธที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต อาทิ กระสุนยาง อุปกรณ์ช็อตไฟฟ้า
ขั้นตอนที่ 4 การฟื้นฟู เมื่อสถานการณ์ความไม่สงบคลี่คลายสู่ภาวะปกติ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเคลียร์พื้นที่และดำเนินการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ขณะเดียวกันก็เร่งฟื้นฟู บูรณะทรัพย์สินของทางราชการหากได้รับความเสียหาย
มาทางด้านสำนักจานบินจากพฤติการณ์ที่ผ่านมาไม่น่าจะเรียกว่าวัดอีกต่อไป แต่ทำตัวดุจรัฐอิสระที่ไม่ยอมรับหมายจับตามอำนาจศาลและตั้งป้อมสู้ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐเต็มที่โดยมีการนำรถคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ เสาไฟฟ้าคอนกรีตมาปิดประตูทางเข้า ปิดใช้สะพานลอยรถวิ่งรอบสำนักจานบิน มีการระดมขนสาวกทั้งพระและฆราวาสทั่วประเทศมารวมตัวกันภายในสำนักจานบินเพื่อเป็นโล่มนุษย์ป้อง ธัมมชโย มีการตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยไม่ยอมให้สื่อมวลชนเพ่นพ่านทำข่าวอย่างอิสระเหมือนกลัวจะถูกพบเห็นความไม่ชอบมาพากลที่ซ่อนอยู่ภายในสำนักจานบินที่กลายเป็นอาณาจักรลึกลับซึ่งกฎหมายเข้าไปแตะต้องไม่ได้
ทั้งคนห่มผ้าเหลืองและฆราวาสที่ระดมเข้ามาภายในสำนักจานบินถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีพระปลอมหรือพวกม็อบรับจ้างทั้งไทยและต่างด้าวที่แฝงตัวเข้ามาปะปนอยู่ในหมู่สาวกจานบินซึ่งที่น่าสงสัยคือมีการตั้งกฎห้ามสื่อทำข่าวถ่ายภาพบรรดาสาวกจานบินที่จำนวนมากใช้หน้ากากปิดหน้าอำพรางโฉม ซึ่งในการบุกสำนักจานบินของดีเอสไอ ครั้งที่แล้วก็มีภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นว่าคนห่มผ้าเหลืองบางคนหน้าตาเหมือนกับพวกกองกำลังฮาร์ดคอร์เสื้อแดงในอดีต และมีกลุ่มชายฉรรจ์ที่ลักษณะไม่น่าจะใช่ผู้ปฏิบัติธรรมซ่องสุมอยู่ในสำนักจานบินโดยมีการขนหีบขนาดใหญ่จำนวนมากขึ้นรถซึ่งไม่รู้ว่าเป็นอาวุธหรือไม่
หมายค้นก็มีแล้ว แผนปฏิบัติการ “กรกฎ52” ก็เตรียมพร้อมแล้ว แต่คำถามที่ยังเป็นปริศนาดำมืดและยังไร้คำตอบที่ชัดเจน คือ ธัมมชโยยังอยู่ในสำนักจานบินจริงหรือไม่ เพราะข่าวบางกระแสระบุว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐเองก็ไม่แน่ใจโดยมีการประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อตรวจสอบร่องรอยของ ธัมมชโย จนมีข่าวกระเซ็นกระสายว่า ศิษย์จานบินกลุ่มหนึ่งพาธัมมชโยแอบเผ่นไปยังประเทศเพื่อนบ้านทางรถยนต์ จากนั้นขึ้นเครื่องบินต่อไปยังสาขาสำนักจานบินไม่ที่ออสเตรเลียก็ที่แคนาดาแล้ว ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของฝ่ายรัฐที่ปล่อยให้ผู้ต้องหาตามหมายจับคนสำคัญอย่างธัมมชโยแอบหนีไปได้อย่างลอยนวลต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่ ทั้งๆที่พยายามบุกจับตั้งแต่เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ล้มเหลว และทั้งๆ ที่มีการเฝ้าประกบจับตาธัมมชโยตลอด 24 ชั่วโมง
ทีมข่าวการเมือง