ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/248304
วันอาทิตย์ ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

หนึ่งใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก 10 ฉบับที่สำคัญก็คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้วเตรียมนำเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)พิจารณาปรับปรุงแก้ไขและให้ความเห็นชอบก่อนที่จะประกาศใช้เป็นกฎหมาย
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองจะต้องมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ได้ชื่อว่าเป็นฉบับปราบโกงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พรรคการเมืองปรับปรุงตัวเองเพื่อเรียกความเชื่อมั่นแห่งสถาบันการเมืองให้กลับคืนมาและพรรคการเมืองทำงานได้อย่างอิสระ สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ตรวจสอบได้ และมีมาตรการกำกับดูแลไม่ให้พรรคการเมืองทำผิดกฎหมาย
โดยสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองที่ผ่านการพิจารณาจาก กรธ.แล้วกำหนดให้พรรคการเมืองต้องมีหน้าที่อย่างน้อย 4 กิจกรรมคือ 1.เสริมสร้างให้สมาชิกและประชาชนมีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องในการปกครองระบอบประชาธิปไตยและใช้สิทธิเสรีภาพอย่างมีเหตุผล 2.เสนอแนวทางพัฒนาประเทศ แก้ปัญหาในสังคมโดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุและจิตใจ 3.ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมต่อการตรวจสอบอำนาจรัฐอย่างมีเหตุผล 4.ส่งเสริมสมาชิกและประชาชนให้สามัคคี ปรองดองยอมรับความเห็นต่างทางการเมือง หากพรรคใดฝ่าฝืนหน้าที่ข้างต้นต้องถูกลงโทษรุนแรงคือยุบพรรค ขณะที่กรรมการบริหารพรรคต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งซึ่งหมายถึงหมดสิทธิลงเล่นการเมืองตลอดชีวิต
ส่วนการจัดตั้งพรรคการเมืองนั้นกำหนดให้ภายใน 1 ปี พรรคต้องหาสมาชิกให้ได้ไม่น้อยกว่า 5,000 คน และต้องมีสาขาประจำภาค และภายใน 4 ปีต้องมีสมาชิกให้ได้ 20,000 คน หากพรรคใดทำไม่ได้ต้องถูกลงโทษปรับเป็นเงินไม่เกิน 50,000 บาท และปรับวันละ 1,000 บาท จนกว่าทำให้ถูกต้อง ขณะที่การมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคกำหนดให้มีส่วนร่วมทั้งการทำนโยบาย เลือกกรรมการบริหารพรรคและส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อผ่านตัวแทนสาขาพรรค
นอกจากนี้ยังกำหนดบทลงโทษพรรคการเมืองอย่างเข้มข้นในหลายกรณีประกอบด้วย
1.ห้ามคนนอกรวมถึงผู้ไม่มีสัญชาติไทย ผู้ที่ถูกคำสั่งห้ามดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง ผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้งเข้าไปก้าวก่าย แทรกแซง หรือมีส่วนในกิจกรรมทางการเมืองของพรรคไม่ว่าทางตรงและทางอ้อม หากพรรคใดฝ่าฝืน กรรมการบริหารพรรคต้องถูกจำคุกตั้งแต่ 7-15 ปี ปรับ 4 หมื่นถึง 3 ล้านบาท และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต
2.ห้ามพรรคการเมืองซื้อตัวบุคคล หรือห้ามผู้ใดเรียกเงินจากพรรคเพื่อประสงค์ขายตัวในทางการเมือง หากฝ่าฝืนต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 3-5 ปี และปรับ 6 หมื่น ถึง 1 แสนบาท รวมถึงถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งด้วย
3.ห้ามพรรคเรียกรับเงินหรือทรัพย์สินเพื่อแลกกับตำแหน่งทางการเมือง ตำแหน่งบริหารหรือตำแหน่งในหน่วยงานรัฐ รวมถึงห้ามพรรคหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคส่งเสริมให้บุคคลกระทำการโค่นล้มราชบัลลังก์ บ่อนทำลายเศรษฐกิจของประเทศ ราชการแผ่นดิน ความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยศีลธรรมอันดีของประชาชน และการกระทำที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ หากฝ่าฝืนต้องโทษจำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต โดยกรณีที่ศาลไม่ได้พิพากษาลงโทษประหารชีวิตต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต
จากโฉมหน้าเบื้องต้นของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทำให้บรรดาตัวแทนพรรคการเมืองใหญ่โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยดาหน้าออกมาคัดค้านแบบหัวชนฝา อาทิ นายสมคิด เชื้อคง อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ที่ไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดลงโทษนักการเมืองโดยอ้างว่ารุนแรงเกินไปรวมทั้งการที่กำหนดให้กระจายอำนาจพรรคการเมืองไปสู่สาขาพรรคนั้นในทางปฏิบัติคงไม่เกิดผลเพราะยิ่งทำให้นายทุนใหญ่ในจังหวัดครอบงำ ซึ่งความจริงควรให้คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจแบบเดิมดีกว่า อีกทั้งการกำหนดให้สมาชิกพรรคการเมืองต้องจ่ายเงินสนับสนุนพรรคเป็นการบีบทำให้ประชาชนเข้าถึงพรรคได้ยาก
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง ไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดให้พรรคการเมืองต้องตรวจสอบรายชื่อสมาชิกพรรคที่ซ้ำซ้อนทำให้เป็นภาระสำหรับพรรคการเมืองที่ขณะนี้มีเวลาทำกิจกรรมทางการเมืองน้อยอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แม้จะไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเมืองในบางประเด็นซึ่งเป็นรายละเอียด แต่ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ายอมรับได้สำหรับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองที่กรธ.ยกร่าง ส่วนข้อคัดค้านในรายละเอียดพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎหมาย
ทั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงและร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเป็นผลพวงจากนโยบายที่จะปฏิรูปประเทศให้พ้นจากวงจรอุบาทว์ของธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันเลวร้ายที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติตลอด 10 ปีที่ผ่านมา การต่อต้านพ.ร.บ.พรรคการเมืองโดยเฉพาะจากพรรคเพื่อไทยจึงสะท้อนความหวาดผวาต่อกฎเหล็กคุมประพฤติพรรคการเมืองที่มีความเข้มข้นและแฝงด้วยเป้าหมายที่มุ่งขัดขวางการเดินหน้าปฏิรูปประเทศเพื่อขจัดพรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม
ทีมข่าวการเมือง