ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/247432
วันอาทิตย์ ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

สถานการณ์ของประเทศขณะนี้ดูเหมือนจะเอื้อไม่น้อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ต่ออายุอยู่บริหารประเทศต่อไปหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าโดยเฉพาะจากเสียงสะท้อนความไว้วางใจเชื่อมั่นของมหาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศของสำนักวิจัยซูเปอร์โพลเรื่อง สมการการเมืองจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตครั้งล่าสุดพบว่า กรณีตัวอย่างร้อยละ 82.4 ระบุว่ายังไม่มีคนที่แก้ปัญหาสถานการณ์บ้านเมืองได้ดีถ้าไม่ใช่รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
ส่วนเรื่องรัฐบาลในอนาคตนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 60.5 ระบุว่า สมการรัฐบาลในอนาคตน่าจะประกอบด้วยพรรคการเมืองใหญ่รวมกับพรรคการเมืองเล็กและพรรคการเมืองที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่ร้อยละ 39.5 ระบุว่า น่าจะประกอบด้วยพรรคการเมืองใหญ่ รวมกับพรรคเล็ก
นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 54.1 เห็นด้วยที่จะมีซุปเปอร์รัฐบาลควบคุมรัฐบาลจากการเลือกตั้งอีกชั้นหนึ่ง ขณะที่ร้อยละ 45.9 ไม่เห็นด้วย และที่น่าพิจารณาคือข้อเสนอของประชาชนต่อบทบาทของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่ควรจะรีบดำเนินการตามลำดับ อาทิ กฎหมายปฏิรูปตำรวจ กฎหมายเกี่ยวกับการลดความเหลื่อมล้ำ คนรวยคนจนเข้าถึงทรัพยากรอย่างเท่าเทียม กฎหมายปราบการทุจริตคอร์รัปชั่น
ผลสำรวจของสำนักวิจัยซูเปอร์โพลสอดคล้องกับโพลล์ทุกสำนักก่อนหน้านี้ที่สะท้อนอย่างสอดคล้องกันมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 โดยประชาชนส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นในคสช.และรัฐบาลโดยเฉพาะความเป็นผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งที่เป็นเช่นนี้อาจเนื่องจากประชาชนเอือมระอาต่อระบบธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา จึงต้องการให้อำนาจพิเศษเข้ารักษาความสงบเรียบร้อยและปฏิรูปประเทศให้พ้นจากวงจรอุบาทว์อันเลวร้ายของธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น และสร้างความแตกแยกในชาติอย่างลึกซึ้งและนำไปสู่วิกฤติความรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ซุปเปอร์รัฐบาลนั้นเป็นแนวคิดที่เคยกำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านี้ที่ตกไป เนื่องจากไม่ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดยกำหนดให้มีองค์กรพิเศษที่เรียกว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งมีบทบาทหน้าที่เข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ของชาติในยามวิกฤติถึงทางตัน อันสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความไม่เชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนส่วนใหญ่ที่มีต่อนักการเมืองตรงกันข้ามกับเชื่อมั่นศรัทธาในองค์กรพิเศษที่เป็นผลพวงของคสช.
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนสำหรับรัฐบาลปัจจุบันก็คือปัญหาเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวทั้งจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำและอำนาจซื้อภายในประเทศยังไม่ซบเซา ขณะที่ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำอย่างหนักโดยเฉพาะราคาข้าว ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยเฉพาะราคาข้าวด้วยมาตรการจำนำยุ้งฉางข้าว รวมทั้งให้เงินช่วยเหลือชาวนา ขณะที่ผลพวงจากความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือทำดีเพื่อพ่อแห่งแผ่นดินทำให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไปต่างพร้อมใจกันให้สถานที่แก่ชาวนานำข้าวมาขายต่อผู้บริโภคโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และประชาชนต่างก็ช่วยกันซื้อข้าวจากชาวนา ขณะที่ฝ่ายทหาร ตำรวจก็ช่วยชาวนาเกี่ยวข้าวทำให้วิกฤติราคาข้าวตกต่ำคลี่คลายไปด้วยดี
ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ดำเนินมาตรการสวัสดิการของรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงส่งท้ายปีเก่า อาทิ มาตรการแจกเงินแก่ผู้มีรายได้น้อยรายละ 1,500-3,000 บาท การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 69 จังหวัดทั่วประเทศในอัตราจังหวัดละ 5-10 บาท ยังไม่รวมมาตรการที่รัฐช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้ผู้มีรายได้น้อยในเมืองช่วงปลายปี และอื่นๆ
นโยบายสวัสดิการของรัฐดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการซื้อใจประชาชนแก้เกมนโยบายประชานิยมของนักการเมือง ขณะเดียวกันเป็นสัญญาณปูทางชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจอยู่ยาว
จากสถานการณ์ของชาติบ้านเมืองขณะนี้ประชาชนทั้งประเทศกำลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการทำดีเพื่อพ่อแห่งแผ่นดินซึ่งแน่นอนว่าประชาชนอยากเห็นบ้านเมืองเกิดความสงบสุขร่มเย็นเกิดความปรองดองไม่อยากเห็นบ้านเมืองลุกเป็นไฟเหมือนในอดีตอีก รวมทั้งจากหลายปัจจัยที่กล่าวทั้งหมดข้างต้นสะท้อนให้เห็นแนวโน้มสถานการณ์ของประเทศที่เป็นใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ที่อาจต้องต่ออายุการเป็นผู้นำประเทศหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าเพื่อเดินหน้าปฏิรูปและประคับประคองประเทศในภาวะที่ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ไม่น่าไว้วางใจ และขณะที่ประชาชนยังเอือมระอาธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม
ทีมข่าวการเมือง