เพื่อแม้วตั้งหน้าตั้งตาตีรวน ส่อธาตุแท้ขวางปฏิรูปปราบโกง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/248911

วันศุกร์ ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

news_default

การที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรคต่อร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองน่าจะเป็นโอกาสอันดีสำหรับพรรคการเมืองที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอแนะเพื่อให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองฉบับใหม่รอบด้านมีข้อบกพร่องน้อยที่สุดและตอบโจทย์การปฏิรูปการเมืองเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงพ้นจากธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันเป็นต้นเหตุสำคัญของวิกฤติชาติตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

ตัวแทนพรรคการเมือง 28 พรรคให้ความร่วมมือเข้าร่วมเวทีแสดงความคิดเห็นครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงรวมทั้งพรรคใหญ่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ โดยพรรคการเมืองใหญ่เพียงพรรคเดียวที่บอยคอตต์ไม่เข้าร่วมเวทีรับฟังความเห็นที่กรธ.เป็นเจ้าภาพครั้งนี้ก็คือพรรคเพื่อแม้ว

จุดยืนท่าทีของพรรคเพื่อแม้วชัดเจนว่า ต่อต้านขัดขวางการปฏิรูปประเทศซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาลชุดนี้มาตั้งแต่ต้น โดยพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วคัดค้านทุกเรื่องทุกประเด็นของ คสช.มาตั้งแต่การเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของคสช.เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 โดยประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปปราบโกงตั้งแต่ยังไม่ทันยกร่างด้วยซ้ำ

หากเปรียบเทียบระหว่างสองพรรคใหญ่คู่ปรับคือพรรคเพื่อแม้วกับพรรคประชาธิปัตย์จะพบว่า พรรคเพื่อแม้วนั้นที่ผ่านเดินเกมในลักษณะตีรวนป่วนเมืองโดยคำนึงถึงเป้าหมายผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้งโดยสร้างภาพอ้างประชาธิปไตยบังหน้า และพยายามขัดขวางการเดินหน้าปฏิรูปประเทศเพื่อปราบโกงขจัดธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยมาตลอด

ส่วนประชาธิปัตย์แม้จะไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองในหลายประเด็น แต่ก็เข้าร่วมแสดงความเห็นในเวทีที่กรธ.จัดขึ้น พร้อมทั้งแสดงจุดยืนท่าทีคัดค้านเชิงสร้างสรรค์และยอมรับการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ ซึ่งเห็นได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนสาระใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองในประเด็นที่เกี่ยวกับบทลงโทษอย่างรุนแรงสำหรับผู้ที่ซื้อขายตำแหน่งทางการเมืองหรือมีการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายประชาธิปไตยถึงขั้นประหารชีวิตหรือจำคุก
ตลอดชีวิต ขณะที่พรรคเพื่อไทยกลับค้ดค้านประเด็นนี้แบบหัวชนฝา

ส่วนประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์คัดค้าน อาทิ ประเด็นระยะเวลาที่ให้สมาชิกพรรคการเมืองต้องจ่ายค่าบำรุงพรรคการเมืองภายใน 150 วัน เพราะในการปฏิบัติจริงมีขั้นตอนต้องทำความเข้าใจชี้แจงกับสมาชิกพรรคต่อเนื้อหากฎหมายที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงขั้นตอนการชี้แจงหากทำผ่านระบบไปรษณีย์อาจมีค่าใช้จ่ายมหาศาลและต้องใช้เวลามากเพราะปัจจุบันพรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกพรรคกว่า 2 ล้านคน ดังนั้น เห็นว่าควรกำหนดให้สมาชิกพรรคมี 2 ประเภทคือ ประเภทที่ชำระค่าบำรุงพรรค และประเภทที่ยังไม่ชำระค่าบำรุงพรรค แต่คงสถานภาพการเป็นสมาชิกพรรค พร้อมกับขยายเวลาให้สมาชิกพรรคที่ต้องชำระค่าบำรุงพรรคออกไปเป็น 4 ปี

นอกจากนี้ ประเด็นการกำหนดให้มีสาขาพรรคอย่างน้อยภาคละ 1 สาขาและกำหนดให้ตั้งตัวแทนของพรรคในเขตเลือกตั้งที่ไม่มีสาขาพรรคอาจเกิดปัญหากรณีที่พรรคการเมืองซึ่งไม่สนับสนุนความเป็นประชาธิปไตยนำระบบการตั้งตัวแทนมาใช้แทนการตั้งสาขาเพื่อเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายได้

ตัวแทนพรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมากต่างร่วมแสดงความเห็นเชิงสร้างสรรค์ ขณะที่ นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ. แถลงว่า กรธ.พร้อมนำข้อเสนอของตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรคไปพิจารณาทบทวนใน 4 ประเด็นคือ 1.การกำหนดให้พรรคการเมืองต้องหาสมาชิกพรรคให้ได้ 20,000 คนภายใน 4 ปีมากไปหรือไม่ 2.ทุนประเดิมผู้ร่วมก่อตั้งพรรคคนละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาทให้ได้ 1 ล้านบาทมากไปหรือไม่ 3.ค่าบำรุงสมาชิกพรรคคนละ 100 บาทต่อปีควรมีหรือไม่ 4.บทกำหนดโทษผู้กระทำผิดรุนแรงเกินไปหรือไม่

จากเสียงต่อต้านร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรคการเมืองที่ กรธ.ยกร่างขี้นมานั้น นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. กล่าวว่าทุกอย่างเป็นไปตามกรอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งผ่านการทำประชามติมาแล้ว โดยมาตรา 45 ของร่างรัฐธรรมนูญกำหนดเกี่ยวกับการทำกิจกรรมที่ให้สมาชิกพรรคการเมืองต้องมีส่วนร่วมต่อการกำหนดนโยบายและการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยไม่ถูกชี้นำโดยบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค รวมถึงต้องมีมาตรการกำกับดูแลให้สมาชิกพรรคปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย

และมาตรา 258(2)ว่าด้วยการปฏิรูปพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันการเมืองของประชาชนอย่าแท้จริง

สำหรับเหล่าแกนนำพรรคเพื่อแม้วนั้นอ้างเหตุผลในการบอยคอตต์ไม่ร่วมสังฆกรรมกับกรธ.ว่า เป็นเพราะการเปิดเวทีรับฟังความเห็นเป็นเพียงพิธีกรรมรับรองกฎหมายที่ถูกกำหนดเป้าหมายไว้แล้ว

ทั้งนี้ ไม่มีใครปฏิเสธว่า ร่างรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหลายล้วนเป็นไปตามเป้าหมายเพื่อการปฏิรูปการเมืองและปฏิรูปประเทศตามที่วางกรอบไว้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองบอบช้ำและเสียเวลามามากพอแล้วสำหรับธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยการทุจริตโกงชาติปล้นแผ่นดินและเป็นต้นเหตุสำคัญของวิกฤติชาติ

เพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่จะต้องปฏิรูปการเมืองและปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังภายใต้อำนาจพิเศษ เพราะจะหวังโจรในคราบประชาธิปไตยเปลี่ยนแปลงสันดานธาตุแท้อันเลวร้ายและยอมปฏิรูปเพื่อส่วนรวมอย่าได้หวัง เพราะเหล่านักธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยคิดแต่จะทำทุกอย่างเพื่อตัวเองและขัดขวางการเดินหน้าปฏิรูปประเทศโดยหวังจะให้บ้านเมืองถอยหลังกลับไปสู่การเมืองน้ำเน่าแบบเดิมๆ

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment