โพลล์ชี้มหาชนหนุนรัฐบาลคสช. สะท้อนสุดเอือมวงจรอุบาทว์ธุรกิจการเมือง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/250268

news_default

วันอังคาร ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายในโลกคงจะพากันงงไปตามกันเมื่อผลสำรวจของของโพลล์สะท้อนว่าคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศยังเชื่อมั่นศรัทธาในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) อันเป็นผลพวงจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 มากกว่าบรรดารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

ผลสำรวจของโพลล์ทุกสำนักตลอดช่วงที่ผ่านมานับตั้งแต่คสช.เข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศเมื่อ 3 ปีที่แล้วล้วนสะท้อนปฏิกิริยาของมหาชนอย่างสอดคล้องกันมาตลอดว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศเชื่อมั่นไว้ใจรัฐบาล คสช. โดยเฉพาะตัวนายกฯลุงตู่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

ล่าสุดผลสำรวจความเห็นของประชาชนทั่วประเทศเปรียบเทียบระหว่างรัฐบาลบิ๊กตู่ที่มาจากการรัฐประหารกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สะท้อนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ของประเทศร้อยละ 48.84 มองว่ารัฐบาลนายกฯบิ๊กตู่ดีกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้งเพราะทำงานได้รวดเร็ว คล่องตัวภายใต้อำนาจพิเศษ บ้านเมืองเกิดความสงบไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งอย่างรุนแรง รัฐบาลทำงานไปในทิศทางเดียวกัน และมีผลงานให้เห็น

ขณะที่ร้อยละ 23.72 เห็นว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งดีกว่ารัฐบาลผลพวงจากการรัฐประหาร เพราะมาจากเสียงของประชาชน เป็นประชาธิปไตย รู้ปัญหา มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ

ส่วนอีกร้อยละ 17.83 มองว่าดีพอๆ กันเพราะไม่ว่าจะมาจากระบบใดก็สามารถบริหารบ้านเมืองได้ ทำงานได้ดี มีนโยบายเพื่อประชาชน และ 9.61 เห็นว่า แย่พอๆ กันเพราะยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนไม่ได้ ยังมีการทุจริตคอร์รัปชั่น มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์

ต่อคำถามถึงข้อดีข้อเสียของรัฐบาลนายกฯบิ๊กตู่ที่มาจากการรัฐประหาร ประชาชนส่วนใหญ่มองว่า ข้อดีคือ มีอำนาจเด็ดขาด พูดจริงทำจริง บ้านเมืองสงบไม่มีการชุมนุมประท้วงวุ่นวาย การทำงานคล่องตัวแก้ปัญหาได้เร็ว ส่วนข้อเสียคือ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ขาดการคานอำนาจ ตรวจสอบไม่ได้ และเป็นเผด็จการ

ส่วนเสียงสะท้อนของประชาชนจากการสำรวจเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ข้อดีคือ ประชาชนเลือกเอง มีประสบการณ์ รู้ปัญหาเพราะอยู่ในพื้นที่ แก้ปัญหาได้เร็ว ส่วนข้อเสียคือ ทุจริตคอร์รัปชั่น ซื้อสิทธิขายเสียง แบ่งพรรคแบ่งพวก ทะเลาะเบาะแว้ง ใช้นโยบายและทำงานแบบเดิมๆ นักการเมืองส่วนใหญ่ล้วนหน้าเก่า

มาทางด้านความเห็นของเคลื่อนไหวและนักวิชาการอย่าง นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย(สปท.) มองว่า แม้ชนชั้นกลางจะพึงพอใจกับการแก้ปัญหาความมั่นคงและเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลคสช. แต่ก็เริ่มอึดอัดกับปัญหาเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองต่อเนื่องไปถึงปัญหาปากท้องประชาชนคนระดับล่าง และเริ่มมีข่าวคราวการทุจริตคอร์รัปชั่นในแวดวงราชการหรือคนวงในของอำนาจ

นอกจากนี้ในภาคประชาสังคมยังเกิดความขัดแย้งในหลายพื้นที่จากยุทธศาสตร์เขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลที่ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งสวนทางกับนโยบายประชารัฐที่เป็นวาระแห่งชาติเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชนและภาคเอกชน

ส่วนการปฏิรูปประเทศเริ่มอืดโดยเฉพาะในส่วนโรดแมปรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก โดยหลังจากที่มีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2559 ที่ผ่านมา แรงส่งของการปฏิรูปประเทศกลับลดน้อยลงส่งผลให้การตรากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกระบวนการที่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูป รวมทั้งทิศทางของแม่น้ำ 5 สายขาดความคึกคักและอ่อนพลังจนไม่เห็นทิศทางที่ชัดเจนโดยต่างคนต่างทำอยู่ในวงแคบ

นายสุริยะใส ฟันธงว่า แนวโน้มการเมืองไทยปีหน้าจึงเป็นไปได้สูงว่า ภูมิทัศน์การเมืองในทุกปริมณฑลจะเข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนผ่านอย่างเต็มรูป ความขัดแย้งวุ่นวายไร้ระเบียบ ทั้งในและนอกประเทศยังเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้

ข้อน่าสังเกตก็คือ แม้ประเทศยังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของประชาชน แต่ผลสำรวจของโพลล์ทุกสำนักตลอดช่วงที่ผ่านมากลับสะท้อนว่ามหาชนส่วนใหญ่ยังศรัทธาเชื่อมั่นในรัฐบาลนายกฯลุงตู่ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นเท่ากับชี้ให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้น้ำหนักผลงานในเรื่องการสามารถรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ รวมทั้งความไว้วางใจในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตของรัฐบาลเป็นสำคัญ

ส่วนปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องนั้นประชาชนคงเข้าใจว่าขณะนี้ เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะซบเซาย่อมส่งผลกระทบต่อไทย อีกทั้งขณะนี้รัฐบาลก็พยายามแก้ปัญหาจนเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับและเศรษฐกิจของไทยหากเทียบกับอีกหลายประเทศไทยยังดีกว่ามาก

แต่สิ่งสำคัญที่มหาชนส่วนใหญ่เชื่อมั่นศรัทธาในรัฐบาลคสช.อย่างเสมอต้นเสมอปลายมาเป็นเวลา 3 ปี สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนเอือมระอารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งเป็นธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่สร้างความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเต็มที และอยากเห็นการเดินหน้าปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังเพื่อจะได้ไม่กลับไปสู่วงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติความแตกแยกในชาติอย่างลึกซึ้ง และสร้างความบอบช้ำให้ประเทศอย่างแสนสาหัสอีก

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment