มาตรฐานชักไม่ต่างกัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ทีมข่าวการเมือง 7 ต.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/745912


ชักขยายวงบานปลายไปกันใหญ่

จากปมเอกสารค่าใช้จ่ายเที่ยวบินเช่าเหมาลำทริปหรูการบินไทย “กรุงเทพฯ-ฮอนโนลูลู” แผ่นเดียว ที่เริ่มต้นในโลกโซเชียล สามารถลาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตกที่นั่งลำบาก

กลายเป็นประเด็นเล่นงานยี่ห้อ “บิ๊ก คสช.” จนกระอัก

ตามอารมณ์ของกระแสสังคมที่ขยับจากประเด็นการเช่าเหมาลำเครื่องบินขนาดใหญ่ วงเงิน 20.9 ล้านบาท ขนคณะ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” รวม 38 ชีวิต ไปร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน-สหรัฐฯ ที่รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา

มาสู่เมนูอาหารต้อนรับบนเครื่องบิน ราคาแพงระยับ 600,000 บาท ให้เปิบเมนูดัง “ไข่ปลาคาเวียร์”

ก่อนเปลี่ยนโฟกัสไปอยู่ที่รายชื่อทีมงานผู้ร่วมทริปเดินทางที่ถูกปกปิดรายชื่อในตอนแรก โดยอ้างความลับเรื่องความมั่นคง
กระทั่งถูก “มือดี” นำรายชื่อคณะเดินทางมาเปิดเผยว่อนโลกออนไลน์ มีทั้งผู้ประกาศข่าวสาวค่ายสนามเป้า ผู้บริหารเครือซีพี มีชื่ออยู่ในลิสต์ร่วมไฟลท์ ที่ออกมาปฏิเสธภายหลังว่าไม่ได้ร่วมเดินทาง

ก่อให้เกิดเครื่องหมายคำถามคาใจว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุมด้านกลาโหมมากน้อยเพียงใด และเป็นการผลาญงบประมาณเกินความจำเป็นหรือไม่

สุมหัวเชื้อ เพิ่มรอยด่างให้กระทบชิ่งไปถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ตามมาติดๆอีกเรื่อง

ต่อจากปมเมียและลูกของ “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชาย “บิ๊กตู่” ที่ติดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนยังไม่ทันจะจางหายไป

อาการคนใกล้ตัวเป็นพิษยังพุ่งใส่หัวหน้า คสช. ไม่เลิก

เที่ยวนี้ขยับเข้าใส่ระดับ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ก็ย่อมเกิดแรงสั่นสะเทือน และเพิ่มความสั่นคลอนใส่รัฐบาลทหารมากกว่าทุกครั้ง

ตกเป็นเป้าล่อให้ฝ่ายตรงข้ามทวงถามจิตสำนึกละเลงงบประมาณการเดินทางเกินความจำเป็น นั่งเครื่องเหมาลำหรูหรา สุขสบาย

สวนทางกับปากท้องชาวบ้านที่ยังหากินฝืดเคือง นอนฟุบจากพิษเศรษฐกิจอยู่

รัฐบาลท็อปบูตถูกขยี้ซ้ำแผลเก่าปมจริยธรรมที่คาบเกี่ยวไปถึงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และดันไปเกิดซ้ำรอยที่หน่วยงานเดิมๆคือ กระทรวงกลาโหม

กระทบความรู้สึกผิดหวังของประชาชนที่คาดหวังให้อำนาจพิเศษเป็นจุดเปลี่ยน ปฏิรูปประเทศไทยให้ต่างจากยุคการบริหารงานของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง

เริ่มพิสูจน์ให้เห็นการทำงานรัฐบาลทหารไม่ต่างอะไรจากรัฐบาลนักการเมือง ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ช่วยเหลือพวกพ้องตัวเอง

ซ้ำร้ายยังไม่สามารถเอกซเรย์ตรวจสอบการทำงานลงลึกได้เหมือนรัฐบาลจากการเลือกตั้ง

ตามร่องรอยที่เห็นได้จากการทำงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่เงียบกริบ ไม่ติดตามตรวจสอบการทำงาน
ของรัฐบาลในเรื่องที่ถูกตั้งข้อสงสัยอย่างเข้มข้น

ผิดฟอร์มกับการเล่นบทขึงขังถอดถอนนักการเมือง

หรือการรีบออกมาการันตีความบริสุทธิ์กรณีทริปหรูฮาวายของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ช่วยเคลียร์ความโปร่งใสให้ “บิ๊กป้อม” ตั้งแต่ไก่โห่

ไล่เรียงไปถึงกรณี ป.ป.ช. ช่วยปลดชนักปักหลังของ “บิ๊กติ๊ก” ยืนยันกรณีเซ็นคำสั่งบรรจุบุตรชายเข้ารับราชการทหาร ไม่มีความผิด

หลากเรื่อง หลายประเด็นชักสั่งสม จนเริ่มขัดความรู้สึกชาวบ้าน

นั่นก็ย่อมฉุดเรตติ้งของ “นายกฯลุงตู่” ที่กำลังติดลม พลอยถูกกระตุกให้ลดระดับลงมา

แม้ “บิ๊กตู่” จะไม่ใช่ผู้ก่อปมปัญหาขึ้นมาโดยตรง แต่จะปฏิเสธ หนีความรับผิดชอบคงไม่ได้เช่นกัน

หากยังเกียร์ว่าง เคลียร์ปมจริยธรรมคนใกล้ตัวไม่กระจ่าง

ก็หนีไม่พ้นตกเป็นขี้ปาก มาตรฐานทหาร-นักการเมืองไม่ต่างกัน!!!

ทีมข่าวการเมือง

 

Leave a comment