ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ทีมข่าวการเมือง 5 ต.ค. 2559 05:01
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/743671
ในโปรแกรมล่าสุดที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ขึ้นโพเดียมแถลงอย่างเป็นการเป็นงานครั้งแรก ภายหลังเป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก เพื่อมอบนโยบายการทำงานปี 2560 ท่ามกลางขุนศึกระดับนายพล
ตอบนักข่าวแบบชัดถ้อยชัดคำ ให้ลืมเรื่อง “ปฏิวัติ” ไปได้เลย
ยืนยันจะไม่มีปฏิวัติซ้อนหรือปฏิวัติซ้ำในทุกกรณี เพราะเป็นทหารอาชีพ ที่ผู้บังคับบัญชาว่าอย่างไรก็ต้องว่าตามนั้น ยึดเอาตามที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.เคยบอกว่า การปฏิวัติที่ผ่านมาคือครั้งสุดท้าย
เบอร์หนึ่งด้านความมั่นคง คนคุมกำลังคุ้มกันหลังให้รัฐบาล คสช.พูดแบบนี้ ก็เป็นอะไรที่ทีมงาน “นายกฯลุงตู่” อุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง
ไม่ต้องพะวงหน้า ระแวงหลัง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ไม่ได้การันตีความชัวร์แต่อย่างใด เพราะในอดีตที่ผ่านมา “จ่าฝูงกองทัพบก” ทุกคนก็ออกตัวแบบนี้ทุกครั้ง และก็ยังเห็นมีแอ่นแอ๊นกันทุกรอบ
ไม่ได้เป็นไปตามที่ตอบคำถามสื่อไว้แต่อย่างใด
ตามเหตุความจำเป็นที่จะระบุกันตอนแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยในวันยึดอำนาจ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครบอกล่วงหน้า
ทุกอย่างว่ากันตามเงื่อนไขสถานการณ์ กระแส ณ ห้วงนั้นเป็นหลัก
ที่แน่ๆการปฏิวัติทุกครั้งมักจะโยงกับสถานะของรัฐบาลที่กำลังตกที่นั่งลำบาก การยอมรับอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินเกิดปัญหา
ว่ากันตามสถานการณ์เบื้องหน้า ในบรรยากาศที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
เมื่อปมร้อนวนกลับมาที่พี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ต้องตกอยู่ในวงล้อม “ตำบลกระสุนตก” ว่าด้วยประเด็น “ผลาญ” งบประมาณในการเช่าเหมาลำเครื่องบินไปประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนที่ฮอนโนลูลู รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา
แนวโน้มไม่ได้หยุดแค่ประเด็นค่าหัว ค่าอาหาร ที่รวมแล้วกว่า 21 ล้านบาท
ตามทิศทางของกระแสเริ่มไหลไปที่คนร่วมคณะกับ พล.อ.ประวิตรจำนวน 38 คน มีใครบ้าง มีความเกี่ยวข้องกับงานมากน้อยแค่ไหน ซึ่งคงไม่ยากที่จะมีการแคะกันออกมา ตามรูปการณ์ที่รู้กันดีว่าข้อมูลแบบนี้มันต้องมีคนวงใน “ปล่อยของ” เจาะยาง
ก็อย่างที่เจ้าตัวยอมรับเอง รู้ตัวว่ามีคนจ้องเล่นงาน
เรื่องของเรื่อง โดยสถานการณ์ของพี่ใหญ่มันก็ไปตอกย้ำ ซ้ำกระแสร้อนๆว่าด้วยปมผลประโยชน์ทับซ้อนที่พัวพันนัวเนียกับลูกเมียของ “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกลาโหม น้องชายในสายเลือดของ พล.อ.ประยุทธ์
จุดที่มีลักษณะคล้ายกันก็คือ มีคนวงในปล่อยข้อมูลออกมาล่อเป้า
ตามรูปการณ์ถึงตรงนี้ ทั้งกรณีการเหมาลำเครื่องบินไปประชุมที่ฮาวายของ พล.อ.ประวิตร และกรณีลูกเมียของ พล.อ.ปรีชา เบื้องต้นเลยมันสะท้อนภาวะภายในรัฐบาล คสช.ที่นำโดย “นายกฯลุงตู่” กำลังเกิดศึกหักเหลี่ยมเฉือนคมกันเองในฝ่ายคุมเกมอำนาจ
ในเครื่องหมายคำถาม แค่เกมต่อรองแชร์อำนาจ หรือโค่นกระดานกันเลย
ที่แน่ๆเจอไป 2 คิวติดๆกัน มันกระตุกต่อมหงุดหงิดผู้นำ อารมณ์หลุดๆแบบที่ “นายกฯลุงตู่” ฉุนขาด ตีกราดดะ ท้าแหลกให้คนสงสัยไปฟ้องได้เลย
ในมุมของกระแสมันก็ยิ่งทำให้อาการรัฐบาลดูแย่ไปกันใหญ่
โดยภาพย้อนแย้งมาตรฐานความโปร่งใสของรัฐบาลทหารที่อาสามาถือธงนำประเทศไปสู่การปฏิรูปต้องอยู่ในระดับสูงกว่าที่จิกด่านักการเมือง
กลับมาติดกับดักปมผลประโยชน์ทับซ้อน เรื่องเงินๆทองๆ
ซะเอง
และประเมินตามปรากฏการณ์ หากปมร้อนทอนคะแนนต้นทุนหน้าตักของ “นายกฯลุงตู่” ระดับความเชื่อมั่นรัฐบาล
คสช.ลดลง จนถึงจุดทำให้หนทางตามโรดแม็ปต้องสะดุด
ถึงตรงนั้น แม้ พล.อ.เฉลิมชัยจะตัดบทห้ามนักข่าวถามเรื่องปฏิวัติอีก ก็คงหนีไม่พ้น
ในเมื่อจำเป็นต้องพูดกันถึงหนทาง “ผ่าทางตัน”.
ทีมข่าวการเมือง
