เริ่มเดินหน้าโรดแม็ป

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ทีมข่าวการเมือง 22 ต.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/760977


คลื่นมหาชนแห่งความภักดียังเนืองแน่นทั่วท้องสนามหลวง

ประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั่วทุกภูมิภาค ยังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวต่อแถวร่วมลงนามแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวังอย่างมิขาดสาย

แม้จะเผชิญเปลวแดดอันร้อนแรง หรือสายฝนซัดกระหน่ำเพียงใดก็ตาม

แต่ก็ไม่อาจต้านพลังศรัทธาอันแรงกล้าของปวงชนชาวไทยที่ถวายมอบแด่พ่อหลวงของแผ่นดิน

ช่วยสลายความขัดแย้งสีเสื้อในสังคม มากลายเป็นสีเดียวกันคือ “สีแห่งความจงรักภักดี”

แม้ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยจะผ่านมากว่า 1 สัปดาห์ แต่บรรยากาศแห่งความโศกเศร้ายังปกคลุมประเทศไทยทั่วทุกพื้นที่

อาลัยต่อการเสด็จสู่สวรรคาลัยของ “พ่อหลวงของแผ่นดิน”

เหลือไว้แต่หลักคำสอนตามแนวทางอันดีงามของพ่อให้ลูกๆน้อมนำมาใช้เป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิต

ถึงเวลาที่ลูกๆต้องตอบแทน สืบสานพระราชปณิธาน เปลี่ยนความเศร้าโศกมาหลอมรวมเป็นพลังแห่งความสามัคคี ร่วมกันพัฒนาประเทศ

ตามที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. คอยปลุกพลังประชาชนให้แปรเปลี่ยนความเสียใจเป็นพลังแห่งความสามัคคี ในภาวะที่ประเทศไทยยังต้องขับเคลื่อนต่อไป

ขณะที่แม่น้ำทุกสายเตรียมขยับเดินหน้าประเทศอีกครั้ง หลังจากหยุดนิ่งมาพักหนึ่ง เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามปฏิทินโรดแม็ปเดิมที่วางไว้

ทั้งเรื่อง “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ที่กำลังเข้าสู่กระบวนการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยข้อสงสัยเรื่องการแก้ไขคำปรารภในร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยื่นเรื่องให้ตีความ

รอตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุบโต๊ะตัดสินปัญหาวันที่ 26 ต.ค.นี้ เพื่อให้ทุกอย่างขยับไปสู่ขั้นตอนต่อไปได้ทันตามกรอบเวลา

เดินตามพันธสัญญาเดิมที่ “ลุงตู่” ได้รับปากต่อเวทีโลก

ขณะที่องคาพยพอื่นๆทั้ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ก็เตรียมเปิดเวทีสภา กลับมาทำงานอย่างเป็นทางการอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

ติดเครื่องทำงานต่อในการพิจารณาร่างกฎหมาย และการวางแผนปฏิรูปประเทศ

กลไกแม่น้ำทุกสายต้องเข้าเกียร์ทำงานบริหารประเทศต่อตามปกติ ไม่ให้ทุกอย่างหยุดชะงัก

ควบคู่ไปกับภารกิจใหญ่หลวงของรัฐบาล คสช.คือ การเตรียมพระราชพิธีพระบรมศพ “พ่อของแผ่นดิน”

ในช่วงที่ทุกฝ่ายอยู่ในโหมดสงบนิ่ง ลดการตอบโต้กันไปมาในห้วงที่คนไทยทั้งประเทศกำลังเศร้าใจ

คดีโครงการรับจำนำข้าวที่ล่าสุดกระทรวงการคลังเพิ่งส่งคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 3.5 หมื่นล้านบาท

ทางฝั่ง “อดีตนายกฯปู” แม้จะพูดน้ำตาริน ก็บอกแค่โดยสรุปว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม และขอปฏิเสธข้อกล่าวหาต่างๆ แต่จะไม่ขอแถลงการณ์ใดๆจนกว่าจะถึงเวลาอันควร

พรรคเพื่อไทยชี้แจงพอเป็นพิธี ลดการตอบโต้แบบดุดัน ไม่ขยายความกันมากมาย

เปิดทางให้ “บิ๊กตู่” ทำงานได้อย่างเต็มที่ทุกเรื่อง ไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลัง

ทั้งการแจกแจงขั้นตอนการสืบราชสันตติวงศ์ให้เกิดความชัดเจน ไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งในและต่างประเทศ
การจัดระเบียบคลื่นมหาชนที่มาแสดงความอาลัย “พ่อของแผ่นดิน” ในช่วงวันหยุดยาว

หรือการหย่าศึกความเห็นต่างเรื่องการแสดงออกถึงความไว้อาลัย ระงับการใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา เพื่อมิให้ความขัดแย้งบานปลายออกไป ซ้ำเติมบรรยากาศโศกเศร้าในประเทศ

เพื่อให้ภารกิจอันยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ลุล่วงไปอย่างสมพระเกียรติ

แม้กระทั่งการใช้มาตรา 44 ตั้ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แทน ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร

วางตัวพ่อเมือง กทม.คนใหม่ให้มาช่วยเป็นแม่งานหลักในการเตรียมพระราชพิธีครั้งสำคัญ

ช่วยให้การบริหารงานเมืองกรุงไหลลื่นลงตัว ไม่ติดๆขัดๆ เพราะขาดหัวขบวนที่มีอำนาจสั่งการชัดเจนเหมือนในช่วงที่ผ่านมา

ในห้วงสถานการณ์ที่ “บิ๊กตู่” พยายามประคองประเทศผ่าน “จุดเปราะบาง” ที่คนทั้งประเทศมีแต่หยาดน้ำตาไปให้ได้ เปลี่ยนความโศกเศร้าเป็นพลังความสามัคคี

โดยค่อยๆขับเคลื่อนทุกอย่างให้กลับเข้าสู่วงจรปกติ และเตือนสติทุกคนให้นึกอยู่เสมอว่า

“พระองค์ท่านไม่ได้จากพวกเราไปไหน แต่ยังอยู่ในใจทุกคนตราบนานเท่านาน”.

ทีมข่าวการเมือง

 

Leave a comment