สัญญาณที่ต้องฟังหูไว้หู

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ทีมข่าวการเมือง 25 ต.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/763366


ราวต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ยึดเอาตามปฏิทินที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึงกำหนดการบังคับใช้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่

ไม่มีอะไรล่าช้าไปกว่าโรดแม็ปที่วางไว้

ขณะที่กระบวนการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หลายอย่างทางคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญก็สามารถร่างกฎหมายลูกได้อยู่แล้วในเวลานี้ โดยไม่ต้องไปรอวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

เพราะเมื่อถึงตอนนั้นกฎหมายลูกบางฉบับอาจจะเสร็จแล้วก็ได้

ในขณะที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รักษาการแทนเลขาธิการ กกต. ก็ระบุถึงความคืบหน้าการทำงานของ กกต.ว่า ขณะนี้ได้ทยอยเตรียมแผนการทำงานเพื่อรองรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคตไว้แล้ว

แต่เบื้องต้น กกต.คงต้องรอดูความชัดเจนของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับ รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้องถิ่นเสียก่อน ว่าทางคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะยกร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไว้อย่างไร

แนวโน้มสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านการเมืองไม่มีปัญหา

กระบวนการตามโรดแม็ปคู่ขนานไปกับพระราชพิธีสำคัญ

ที่แน่ๆกระแสการเมือง ณ ห้วงนี้ดูเหมือนยุทธการ “เซ็ตซีโร่” จะกระตุกต่อมผวาไปหมด

ทั้งพรรคการเมืองไปยันกรรมการองค์กรอิสระ ตามสัญญาณคลื่นความถี่สูงที่ถูกส่งออกมาจาก พล.อ.นคร สุขประเสริฐ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สายท็อปบูตที่เรียกร้องให้มีการเซ็ตซีโร่กรรมการองค์กรอิสระภายหลังมีรัฐบาลใหม่

ล้างไพ่กันใหม่หมด โดยเฉพาะโฟกัสในส่วนของ กกต.

และนั่นก็สอดรับไปในทิศทางเดียวกับนายนรชิต สิงหเสนี โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่เปิดประเด็นจากการรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กหรือพรรคเอสเอ็มอี มีการเสนอให้ “รีเซ็ตการเมือง”

จดทะเบียนสมาชิกพรรคกันใหม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ล้อไปกับเสียงสนับสนุนจากนางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. ที่มองว่า เมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ คุณสมบัติของกรรมการองค์กรอิสระเปลี่ยนแปลงไปมาก หากจะเริ่มต้นใหม่ เมื่อรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ ทุกองค์กรอิสระก็ควรเริ่มต้นรีเซ็ตใหม่ทั้งหมดด้วย

กระแสเริ่มไหลไปในทิศทางเดียวกัน ล้างกระดานนับหนึ่งกันใหม่

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็มีสัญญาณแปร่งๆกับปรากฏการณ์ล่าสุดที่มีนายทหารใหญ่เป็นตัวแทนของ “บิ๊กป้อม”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมของ “สภาประชาชน 4 ภาค” ที่จัดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา

เป็นงานที่ผุดขึ้นมาแบบไม่รู้ทิศทางที่มาที่ไปมาก่อน

แต่จุดที่ต้องจับตานอกจากบิ๊กทหารตัวแทนสายตรงของ “บิ๊กป้อม” ถูกส่งไปร่วมแล้ว มันยังมีชื่อของพรรค “อธิปไตยปวงชนชาวไทย”

ที่แกะรอยตามนายสมาน ศรีงาม อ้างเป็นเลขาธิการพรรคให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนพูดกันชัดๆ ถึงแนวคิดการตั้งพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย

เพื่อเข้ามารับการถ่ายอำนาจเข้าไปปกครองประเทศต่อจาก คสช.

เพราะทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. และ พล.อ.ประวิตร แม้เป็นคนดีมีความสามารถ แต่หากจะลงจากอำนาจ คสช.โดยที่ไม่มีพรรคการเมืองของประชาชนเข้ามารับช่วงต่อถือว่าอันตรายมาก เพราะจะกลับเข้าสู่วงจรอุบาทว์เหมือนเดิม

คือพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ แล้วกลายเป็นเผด็จการทางการเมือง และเกิดการปฏิวัติรัฐประหารอีกไม่รู้จักจบสิ้น รัฐธรรมนูญที่เขียนไว้อย่างดีก็จะถูกฉีกทิ้งอีก เนื่องจากอำนาจอธิปไตยไม่ได้มาอยู่ในมือประชาชนอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายมีการออกตัวปฏิเสธไว้ว่า ไม่ใช่พรรคของทหาร ไม่ใช่พรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เป็นพรรคที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จากเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง

ซึ่งหลังมีสภาประชาชนเข้มแข็งแล้ว พรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทยจะขอประชามติจากประชาชนทั่วประเทศ เพื่อให้ คสช.โอนอำนาจให้กับสภาประชาชนโดยตรง และเข้าไปบริหารประเทศ โดยที่ยังไม่เปิดให้มีการเลือกตั้ง
จนกว่าสภาประชาชนจะเข้มแข็ง จึงเปิดให้มีการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่

แม้จะดูลอยๆไม่รู้ที่มาที่ไป ตัวละครโนเนม จับต้นชนปลายไม่ได้

แต่โดยเครือข่ายที่โยงกับฝ่ายคุมเกมอำนาจ คสช. และเค้าโครงตามท้องเรื่องที่ตรงกับสูตร “แช่แข็ง” เลือกตั้ง เกมลากยาวอำนาจในภาวะไฟต์บังคับของทหาร

เมื่อสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านไม่นิ่งจริง.

ทีมข่าวการเมือง

 

Leave a comment