ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/251784
วันอังคาร ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2560, 02.00 น.
สองข่าวที่คิดว่าคอการเมืองหลายคนน่าจะให้ความสนใจไม่น้อย โดยเรื่องแรกคือ ความเคลื่อนไหวสถานการณ์ล่าสุดของสำนักจานบินที่มีการเลื่อนการบุกเข้าตรวจค้นและจับตัวธัมมชโย อดีตเจ้าสำนัก และนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกสำนักจานบิน ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือดราม่าความเคลื่อนไหวล่าสุดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก
กรณีของสำนักจานบินนั้นจนบัดนี้ก็ยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ว่าจะเริ่มปฏิบัติการเข้าตรวจค้นสำนักงานบิน รวมทั้งจับตัว ธัมมชโย รวมทั้ง นายองอาจ รอบใหม่ตามหมายจับเมื่อไหร่ แต่กลับมีคลิปเผยแพร่ว่อนทางโซเชียลมีเดียเป็นภาพบุคคลที่เหมือน นายองอาจ และพระกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งหม่ำอาหารญี่ปุ่นกันอย่างอิ่มหนำสำราญในภัตตาคารแห่งหนึ่งของเมืองน้ำหอม ฝรั่งเศส
ขณะที่ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตเคยบวชอยู่สำนักจานบิน ซึ่งเคยเป็นคนใกล้ชิดธัมมชโยเปิดเผยว่า จากข่าวที่ได้รับมา นายองอาจ หลบหนีออกนอกประเทศทางแนวชายแดนตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ส่วน ธัมมชโย นั้นทราบมาว่าหนีออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. หลังจากที่ตำรวจเข้ารื้อกำแพงและสิ่งปลูกสร้างหน้าสำนักจานบิน
เช่นเดียวกับพระระดับบิ๊กในสำนักจานบินหลายคนที่ขณะนี้บินออกนอกประเทศไปแล้ว ทางสนามบินสุวรรณภูมิ อาทิ พระสุธรรมโม อดีตรักษาการเจ้าสำนัก โดยมีนายตำรวจใหญ่ซึ่งเป็นสาวกสำนักจานบินคอยอำนวยความสะดวกเปิดทางให้
ข้อสังเกตสำคัญ 2 ประเด็น ก็คือ หาก ธัมมชโย และนายองอาจ หนีออกนอกประเทศไปแล้วจริง คำถามก็คือ ทั้งสองหนีออกไปได้อย่างไร ทั้งๆที่หน่วยงานของรัฐทั้งหลายโดยเฉพาะฝ่ายตำรวจมีหน้าที่ต้องป้องกันการหลบหนีตั้งแต่ต้น
ส่วนจะมีเกลือเป็นหนอนและกรณีสำนักจานบินจะจบแบบมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ คงต้องจับตาดูกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งหาก ธัมมชโย และ นายองอาจ หลบหนีเท่ากับประจานตัวเองยอมรับว่า ผิดจริงตามข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยเฉพาะธัมมชโยที่ถูกออกหมายจับเบื้องต้นถึง 3 หมาย ในข้อหาฟอกเงินและรับของโจรพัวพันคดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และข้อหาครอบครองและบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งที่สาธารณะ สร้างเป็นสาขาสำนักจานบินที่เวิลด์พีซวัลเล่ย์ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา กับสำนักป่าหิมวันต์ ที่จ.เลย ส่วน นายองอาจ ถูกตั้งข้อหาปลุกปลั่นยุยงสาวกสำนักจานบินให้เกิดความกระด้างกระเดื่องต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และเพื่อขัดขวางการเข้าตรวจค้นจับกุม ธัมมชโย ของฝ่ายเจ้าหน้าที่
ส่วนอีกข่าวหนึ่งซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นดราม่าชิงพื้นที่ข่าวก็คือ กรณีที่ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อแม้ว จงใจออกมาสร้างข่าวในทำนองว่า ขณะนี้นักโทษชายแม้ว มีชีวิตที่สุขสบายและรวยอู้ฟู่ถึงขนาดซื้อเครื่องบินส่วนตัวรุ่นใหม่ล่าสุด มีรถยนต์ คฤหาสน์หรูส่วนตัวอยู่ในหลายประเทศ โดยเงินทั้งหมดมาจากการทำธุรกิจซึ่งล่าสุดคือ การร่วมลงทุนผลิตเครื่องมือตรวจหามะเร็งด้วยลมหายใจ กับบริษัทในอังกฤษ โดย นายวัฒนา อ้างว่า บริษัทและนักวิจัยของอังกฤษยอมรับในความสามารถของอดีตนายกฯนักโทษหนีคุก จึงเชิญให้มาเป็นหุ่นส่วนผลิตเครื่องมือทางการแพทย์
การพยายามประโคมข่าวความเก่งกาจเชิงธุรกิจของ นักโทษชายแม้ว ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้กับช่วง
ที่ผ่านมา เหล่าสาวกระบอบแม้วพยายามสร้างข่าวความสำเร็จในการลงทุนของ นักโทษชายแม้ว ในประเทศต่างๆอยู่ตลอดเวลา อาทิ การทำเหมืองเพชรและทอง ที่แอฟริกา การร่วมลงทุนกับรัฐบาลมอนเตเนโกร และอีกมากมาย แต่ข่าวเหล่านี้บัดนี้เงียบเป็นปลิดทิ้งไม่รู้ว่ามีจริงหรือประสบความสำเร็จอย่างที่พยายามสร้างภาพหรือไม่
ทั้งนี้หากย้อนไปทบทวนจุดเริ่มต้นที่ทำให้ นักโทษชายแม้ว ซึ่งเคยประสบความล้มเหลวทางธุรกิจถึงขนาดตีเช็คเด้งฐานะง่อนแง่นกลายเป็นเศรษฐีด้านธุรกิจการสื่อสารก็เพราะการวิ่งเต้นเข้าหา พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร คสช.จนเกิดบริษัทเครือชินวัตรที่ได้สัมปทานดาวเทียมไทยคมใช่หรือไม่
คำถามหนึ่งที่หลายคนสงสัยก็คือเงินมหาศาลในการใช้ชีวิตอย่างหรูหราสุขสบายของ นักโทษชายแม้ว ขณะนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ใช่เงินสีเทาที่ได้มาในยุคระบอบแม้วครองเมืองแล้วฟอกซุกไว้ในแหล่งฟอกเงินต่างๆ ทั่วโลกใช่หรือไม่
การที่สาวกคนสนิทของอดีตนายกฯนักโทษหนีคุกอย่าง นายวัฒนา ออกมาสร้างข่าวอวดรวยและอวดความเก่งกาจดุจเทวดาระดับโลกของ นักโทษชายแม้ว ครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าเกิดจากเหตุผลหลายประการคือ
ต้องการสร้างภาพปลุกผีเทวดา นักโทษชายแม้ว ให้กลับโดดเด่นชิงพื้นที่ข่าวเพื่อกระตุ้นไม่ให้เหล่าสาวกและประชาชนที่เคยนิยมชมชอบพรรคเพื่อแม้วลืม เพราะผลสำรวจของโพลล์ในช่วงหลังสุดพบว่าคะแนนนิยมตกฮวบลงอย่างน่าใจหายเหลือไม่ถึง 5% ต่ำกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ผู้เป็นน้องสาวเสียอีก
แต่ที่สำคัญเป็นการปลุกขวัญสาวกเพื่อแม้วให้ฮึดสู้ไม่แปรพักตร์ในภาวะที่ระบอบแม้วอยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝา โดยพยายามส่งสัญญาณว่านายใหญ่ยังมีท่อน้ำเลี้ยงอย่างเหลือเฟือเหมือนในอดีต และพยายามสร้างภาพดุจเทวดาของนายใหญ่ที่ยังมีบทบาทในระดับโลก
ดราม่าปลุกผีนักโทษชายแม้วครั้งนี้เป็นวิธีการแบบเดิมๆ และส่อเจตนาว่า นายใหญ่ขบวนการเพื่อแม้วไม่เคยคิดวางมือทางการเมือง แต่อาจอยู่หลังฉากเดินเกมการเมืองหวังที่จะฟื้นระบอบแม้วกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง โดยเป้าหมายสำคัญคือการลบล้างโทษความผิดให้กับนักโทษชายแม้วและน้องสาว ตลอดจนบรรดาแกนนำที่ร่วมในเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง เมื่อปี 2553
ทีมข่าวการเมือง
