องค์กรไม่โปร่งใสสากลทะแม่ง ดิสเครดิตคอร์รัปชั่นยุคคสช.?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/254128

วันศุกร์ ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560, 02.00 น.

ผลการจัดอันดับความโปร่งใสหรือสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยล่าสุดโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International-TI)ล่าสุด มีการลดอันดับความโปร่งใสของไทยจากคะแนน 38 คะแนน เมื่อปีที่แล้วเหลือ 35 และจากอันดับ 76 จาก 176 ประเทศทั่วโลกลดฮวบเป็นอันดับ 101 กำลังถูกตั้งข้อสังเกตเพราะค้านกับผลงานและนโยบายการกวาดล้างการทุจริตอย่างจริงจังของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)

ผลการจัดอันดับขององค์กรเพื่อความโปร่งใสสากลช็อกและสร้างความประหลาดใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เป็นอย่างมากเพราะก่อนหน้านี้ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ ป.ป.ช. เคยแสดงความเชื่อมั่นและตั้งเป้าหมายว่า อันดับความโปร่งใสของไทยในปีนี้จะต้องดีขึ้นกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอนด้วยผลงานการเอาจริงกับการขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่น

คำถามและข้อสงสัยของสาธารณชนจำนวนไม่น้อยมานานก็คือ TI ใช้เกณฑ์อะไรในการชี้วัดจัดอันดับความโปร่งใสของประเทศต่างๆทั่วโลก โดยมีข้อน่าสังเกตว่า ตั้งแต่มีการก่อตั้ง TI มาเมื่อปี 2536 ที่ประเทศเยอรมนีโดยองค์กรภาคประชาสังคมพบว่า อันดับความโปร่งใสของประเทศทั่วโลกในระดับต้นๆ มักจะผูกขาดอยู่เฉพาะในกลุ่มประเทศตะวันตกโดยเฉพาะยุโรปเกือบทั้งหมดมาตลอด ขณะที่ประเทศในทวีปอื่นทั้งเอเชีย แอฟริกา หรือแม้แต่ประเทศมหาอำนาจค่ายคอมมิวนิสต์อย่างรัสเซีย หรือจีน ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มมหาอำนาจค่านตะวันตกจะถูกจัดอันดับการคอร์รัปชั่นที่ย่ำแย่หรือไม่ดีนัก

ข้อน่าสังเกตก็คือ ผลการจัดอันดับความโปร่งใสของไทยในภาพรวมโดย TI ช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาพบว่า รัฐบาล นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งครั้งแรกและครั้งที่สองซึ่งน่าจะได้ชื่อว่ามีความโปร่งใสมากกว่ารัฐบาลอื่นๆ กลับได้คะแนนความโปร่งใสน้อยกว่ารัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ, นายทักษิณ ชินวัตร หรือแม้แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะรัฐบาล นายทักษิณ และ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้คะแนนความโปร่งใสสูงกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมาซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริงและค้านสายตามหาชนอย่างสิ้นเชิง

เช่นเดียวกับผลการประเมินของ TI ที่ชี้ว่า รัฐบาลคสช.ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จริงจังในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นหลังจากที่เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 โดยมีคดีทุจริตสำคัญในอดีตโดยเฉพาะยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกนำเข้าสู่การตรวจสอบเอาผิดตามกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวที่มีการทุจริตโกงชาติปล้นแผ่นดินมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่คะแนนความโปร่งใสของรัฐบาล คสช.กลับน้อยกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งๆที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะนี้เป็นหนึ่งในจำเลยคนสำคัญคดีโครงการรับจำนำข้าว

นอกจากนี้ผลการจัดอันดับของ TI ยังขัดแย้งกับการแถลงดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยครั้งล่าสุดโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งชี้ว่า ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นของประเทศดีที่สุดในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยทำการสำรวจมา

การสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยนั้นทำโดยการสอบถามโดยตรงจากนักธุรกิจและบุคคลทั่วไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศจำนวน 2,400 ตัวอย่าง ขณะที่การจัดอันดับความโปร่งใสของ TI ใช้วิธีประเมินจากข้อมูลเอกสารตามแหล่งต่างๆซึ่งมีข้อกังขาว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหนหรือมีการนั่งเทียนหรือไม่

ความน่ากังขาผลการจัดอันดับความโปร่งใสของไทยโดย TI ที่ทะแม่งค้านกับความเป็นจริงครั้งล่าสุดถูกตั้งข้อสังเกตจาก นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ที่กล่าวว่า “ดูจากคะแนนและผลการจัดอันดับที่ออกมา ป.ป.ช.รู้สึกผิดหวัง เพราะเราคาดการณ์ว่าเราจะได้เกินกว่า 38 คะแนน แต่กลับตกมาที่ 35 คะแนนโดยต้องกลับไปดูอีกทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับการประเมินครั้งนี้”

นายสรรเสริญ อธิบายเพิ่มเติมทำให้มองเห็นปัญหาบางอย่างจากการประเมินของ TI โดยชี้ว่า นับเป็นปีแรกที่ TI อยู่ๆก็เพิ่มเกณฑ์การประเมินโดยนำเรื่องความเป็นประชาธิปไตย การเลือกตั้ง เสรีภาพ การเปิดให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความเห็นพ้องต้องกันของทุกฝ่ายเข้ามาใช้ในการประเมินด้วย

สอดคล้องกับรายงานของ TI ที่ให้เหตุผลในการจัดอันดับความโปร่งใสของรัฐบาลไทยยุคคสช.แย่ลงโดยอ้างว่า เพราะความวุ่นวายทางการเมือง นอกจากนี้การกดขี่ปราบปรามของรัฐบาล การขาดการตรวจสอบอย่างอิสระและการลดทอนสิทธิเสรีภาพได้ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนในประเทศนี้ แม้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของไทยจะเน้นด้านการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นอย่างมาก แต่ยังคงปกป้องอำนาจของกองทัพและขาดการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการคืนสู่การปกครองโดยพลเรือนตามระบอบประชาธิปไตยในท้ายที่สุด อีกทั้งการอภิปรายเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่สามารถทำได้อย่างเสรี ฝ่ายค้านไม่สามารถรณรงค์หาเสียงได้ ประชาชนหลายสิบคนถูกจับกุม รัฐบาลทหารของไทยยังห้ามการสังเกตการณ์การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญและปราศจากการควบคุมตรวจสอบโดยองค์กรอิสระและการอภิปรายอย่างเคร่งครัด

จากบทบาทและเหตุผลในการจัดอันดับความโปร่งใสของไทยโดย TI ข้างต้นส่อทะแม่งสร้างความกังขาและ TI น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น II (Intranparency International) หรือองค์กรความไม่โปร่งใสสากลมากกว่า เพราะดูเหมือนว่ามีเป้าหมายทางการเมืองแอบแฝงหวังบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลคสช.และเข้าทางขบวนการเพื่อแม้ว

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment