ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 29 มิ.ย. 2559 10:55
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/650241

วันที่ 29 มิ.ย.59 มีรายงานว่า ชาวบ้าน อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล เลี้ยงกุ้งก้ามแดงหรือล็อบสเตอร์น้ำจืด เพื่อเป็นอาชีพเสริมขายทางอินเทอร์เน็ต จนรายได้ดีกลายเป็นอาชีพหลัก พร้อมขยายพันธุ์สู่สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่
นายชัน เก้าเอี้ยน อายุ 40 ปี ชาวบ้านเลขที่ 47/2 หมู่ 5 ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล ตัดสินใจเลี้ยงกุ้งก้ามแดง หรือล็อบสเตอร์น้ำจืดเมื่อต้นปี 58 หลังทนสภาพราคายางดิ่งลงอย่างต่อเนื่องไม่ไหว มองว่า หากมีอาชีพทำสวนยางอย่างเดียวไม่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้เหมือนก่อน จากที่เป็นคนที่ชอบเลี้ยงสัตว์อยู่แล้ว จึงศึกษาการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงทางอินเทอร์เน็ต และสั่งซื้อมาเลี้ยงไว้ขายเป็นรายได้เสริม และเมื่อเลี้ยงแล้ว จึงทดลองผลิตพ่อแม่พันธุ์และเพาะพันธุ์เอง ก็ได้ผล เพราะกุ้งก้ามแดงเลี้ยงง่าย มีโรคน้อย โดยเลี้ยงไว้รอบๆ บ้านใส่ในโอ่ง ในกาละมัง ในบ่อซีเมนต์และเลี้ยงในบ่อดิน จนขณะนี้ มีพ่อแม่พันธุ์กว่า 500 ตัว และลูกพันธุ์ อีกกว่า 6,000 ตัว

นายชัน กล่าวว่า กุ้งก้ามแดงเลี้ยงในบ่อดิน จะเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี จากนั้นก็จะนำมาใส่ในบ่อซีเมนต์ปิดฝาเพื่อให้มืด กุ้งชนิดนี้ชอบน้ำสะอาดและไม่ชอบสารเคมีทุกชนิด ก่อนจะนำมาพักในบ่อซีเมนต์ 4-5 วัน กุ้งก็จะสีฟ้าสวย ก้ามแดงชัดเจนสามารถส่งขายเป็นพ่อแม่พันธุ์ ขนาด 5 นิ้ว คู่ละ 550 บาท หากเป็นลูกพันธุ์ขนาด 1 นิ้ว อยู่ที่ตัวละ 12-15 บาท และขนาด 1 เซนติเมตร ตัวละ 5-6 บาท โดยตลาดมาจากทั่วประเทศ ทั้งนี้ หากเป็นตัวเล็ก ถ้าส่งไกลก็จะแพ็กใส่ถุงเล็กๆ แล้วส่งทางไปรษณีย์ แต่หากใกล้ๆ เช่น หาดใหญ่–สงขลา ก็จะใส่รวมกันถุงใหญ่และใส่ลังโฟมอีกชั้นหนึ่ง

ส่วนวิธีการเลี้ยงนั้น จะให้อาหารกุ้งวันละ 2 ครั้ง กุ้งก้ามแดงกินสัตว์เป็นอาหาร ซึ่งต้องระวังการกินกันเอง จึงต้องใส่สแลงและท่อพีวีซีลงไปให้มันได้ซ่อนตัวด้วย ขณะที่ การเพาะพันธุ์จะผสมพันธุ์กันเองภายในบ่อ 20 วัน จะดูหากกุ้งไข่ตัวเมียจะงอหางปิดไข่ไว้ใต้ท้อง ต้องแยกออกมาเพื่อให้วางไข่และออกเป็นตัวประมาณ 30 วัน ปีหนึ่งสามารถเพาะพันธุ์ได้ 4-5 รุ่น หากจำหน่ายขนาดตัวโต จะตกกิโลกรัมละ 1,500 บาท ซึ่งที่เลี้ยงไว้ยังไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงขายเนื้อได้ เนื่องจากเพาะเป็นลูกพันธุ์และแม่พันธุ์ขาย ก็มีออเดอร์สั่งซื้อไม่เพียงพอแล้ว เพราะในแต่ละเดือนสามารถผลิตขายได้เพียงเดือนละ 3-4 พันตัว สำหรับลูกกุ้งเท่านั้น

กุ้งชนิดนี้ นอกจากสีสันสวยงามแล้ว สามารถเลี้ยงเพื่อความสวยงามเพลิดเพลิน และเป็นกุ้งที่เลิศรสยอดนิยมของคนทั่วโลกที่รู้จักกันเป็นอย่างดี และเป็นกุ้งที่มีรสชาติอร่อยที่สุดในกลุ่มกุ้งแม่น้ำด้วยกัน กุ้งชนิดนี้เข้ามาในเมืองไทยและทดลองเลี้ยงอยู่ที่โครงการหลวงดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นานแล้ว เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นความสำคัญและนำเข้ามาศึกษาเพาะเลี้ยงจนเกิดองค์ความรู้การเลี้ยงกุ้งชนิดนี้ในเมืองไทย โดยตลาดยังคงต้องการอีกจำนวนมาก คาดว่า ใน 2-3 ปี กุ้งชนิดนี้ยังคงโตได้อีกอย่างต่อเนื่อง