ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย นายเกษตร 29 ก.ค. 2559 05:01
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/675090

ไม้ต้นนี้ มีขึ้นตามธรรมชาติในป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง และป่าราบเชิงเขา ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ใครที่ชอบขึ้นเขาเข้าป่าประจำจะพบต้น “โมกหลวง” แทงช่อดอกส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายเป็นที่ชื่นใจบ่อยๆ แต่ในปัจจุบันตามป่าธรรมชาติพบน้อยมากแล้ว ซึ่ง “โมกหลวง” (KURCHI) หรือ HOLARRHENA ANTIDYSENTERICA WALL อยู่ในวงศ์ APOCYNACEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้ยืนต้น สูง 5-10 เมตร ทุกส่วนมียางสีขาว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงกันข้าม รูปไข่หรือรูปวงรี ใบมีขนาดใหญ่ ปลายแหลม โคนมน เนื้อในหนา ผิวใบเรียบ สีเขียวสด ท้องใบมีขนนุ่มและระคายมือเล็กน้อย
ดอก ออกเป็นช่อกระจุกใหญ่ตามซอกใบใกล้ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก กลีบเลี้ยงรูปกรวยยาว ปลายแยกเป็น 5 แฉก ดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดขนาดเล็กและยาว ปลายบานเป็นกลีบดอก 5 กลีบ ปลายกลีบดอกม้วนลงคล้ายกลีบดอกแก้ว เป็นสีขาว ใจกลางดอกเป็นสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอม เวลามีดอกดกและดอกบานพร้อมกันจะดูสวยงาม และส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายเป็นที่ชื่นใจยิ่ง “ผล” เป็นฝักคู่ ผลแก่แตกได้ มีเมล็ด ดอกออกเกือบทั้งปี จะมีดอกดกมากในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมิถุนายนของทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง มีต้นขาย ทั่วไปที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ ราคาอยู่ที่ขนาดของต้น
สรรพคุณ เปลือกต้นต้มน้ำดื่มแก้บิด แก้เสมหะเป็นพิษ ใบสดกะพอประมาณต้มน้ำดื่มวันละ 1 แก้วก่อนหรือหลังอาหารก็ได้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน ผลสดแก้สันนิบาตหน้าเพลิง (บาดทะยักปากมดลูก) เมล็ดแก้ไข้ ท้องเสีย แก่นจากต้น ต้มน้ำอาบแก้กลากเกลื้อน รากสดขับโลหิตระดูในสตรี แพทย์แผนไทยในชนบทแถบจังหวัดสุราษฎร์ธานีใช้เปลือกต้นต้มน้ำดื่ม 2 เวลา ครั้งละ 1 แก้วก่อนอาหารเช้าเย็น แก้ไข้จับสั่นและบำรุงธาตุด้วยครับ.
“นายเกษตร”