จับเท็จขบวนการเพื่อแม้ว อ้างแตกแยกเพราะพวกขี้แพ้ชวนตี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/254750

วันพุธ ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบายอีกสำหรับจุดยืนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
(คสช.)ที่ประกาศเสียงดังฟังชัดว่าจะไม่มีการใช้มาตรา 44 เพื่อนิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองให้กับใครทั้งสิ้น ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงที่ได้รับมอบหมายให้วางแผนสร้างความปรองดองออกมาสยบข่าวสะพัดเรื่องดีลลับฮั้วเพื่อแม้วตั้งรัฐบาลแห่งชาติ

หลังการประกาศจุดยืนเสียงดังฟังชัดของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า จะไม่ปรองดองด้วยการนิรโทษกรรมแบบสุดซอย ขบวนการเพื่อแม้วที่แยกกันเดินร่วมกันตีก็ออกโรงส่งสัญญาณส่อเจตนาป่วนเมืองทันทีโดยที่นักวิชาการเสื้อแดงหน้าเดิมนำโดย นายอนุสรณ์ อุณโน คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับพวกรวม 10 คน ไปยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อประธานศาลฎีกาพร้อมรายชื่อนักวิชาการและนักศึกษาทั้งไทยและต่างชาติกว่า 300 รายชื่อขอให้ประธานศาลฎีกาและผู้พิพากษาทั่วประเทศพิจารณาเรื่องความเสื่อมถอยของระบบนิติรัฐและการละเมิดสิทธิ์จากกรณี นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” จำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูงตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยอ้างกรณีที่ศาลจังหวัดขอนแก่นเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว และศาลอุทธรณ์ภาค 4 ยกคำร้องอุทธรณ์

การเคลื่อนไหวของกลุ่มนักวิชาการหน้าเดิมกลุ่มนี้ส่อเจตนาดับเครื่องชนศาลโดยพยายามชี้ให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมไทยโดยเฉพาะศาลไร้มาตรฐาน อันเป็นการเดินเกมบ่อนทำลายความน่าเเชื่อถือของอำนาจรัฐคสช.ในสายตาชาวโลกนอกเหนือจากประเด็นความไม่เป็นประชาธิปไตย

ในอีกด้านหนึ่งพรรคเพื่อแม้วก็แสดงจุดยืนต่อแนวทางสร้างความปรองดองโดยอ้างว่า ความขัดแย้งทางการเมืองช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีสาเหตุหลักจากการที่พรรคเพื่อแม้วชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นทำให้ฝ่ายตรงข้ามขี้แพ้ชวนตีหาทางต่อสู้นอกระบบรัฐสภาใช้มวลชนขับไล่รัฐบาลนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารจนขยายความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น มีการใช้ขบวนการทางกฎหมายสองมาตรฐาน ซึ่งขัดหลักนิติรัฐนิติธรรมซึ่งจะต้องมีการปฏิรูปให้เกิดความเป็นธรรม มีขบวนการขัดขวางการเลือกตั้ง การไม่ยอมรับหลักประชาธิปไตย โดยมีการใช้วาทกรรมชี้ให้สังคมเห็นว่า 1 เสียงของประชาชนที่มีความรู้ต่างกันควรจะมีไม่เท่ากัน คนที่มีความรู้มากกว่าควรจะมีเสียงมากกว่า การสร้างวาทกรรมให้เกิดความความเกลียดชังทำลายฝ่ายตรงข้ามส่งผลให้สังคมเกิดความเกลียดชังเคียดแค้น

จากสารพัดข้ออ้างของขบวนการเพื่อแม้วข้างต้นทั้งหมดตรงกันถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการบิดเบือนอำพรางข้อเท็จจริงโดยข้ออ้างเรื่องกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐานนั้นที่ผ่านมาหลายต่อหลายกรณีที่ศาลและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญตัดสินเอื้อประโยชน์ต่อขบวนการเพื่อแม้ว แต่พอตัดสินไม่เป็นไปตามที่ตัวเองพอใจก็หาว่า 2 มาตรฐาน

การที่ขบวนการเพื่อแม้วอ้างเรื่อง 2 มาตรฐานมาตลอดถือเป็นยุทธศาสตร์ที่ส่อเจตนาบ่อนทำลายกระบวนการยุติธรรมในระยะยาวและอาจส่งผลต่อการตัดสินคดีสำคัญโดยเฉพาะ คดีโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์และที่สำคัญมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด เป็นจำเลยคนสำคัญ

ส่วนที่อ้างว่าฝ่ายตรงข้างไม่ยอมรับหลักประชาธิปไตย ความจริงก็คือพรรคเพื่อแม้วไม่ใช่สถาบันพรรคการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงตั้งแต่แรกและเป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้เกิดความแตกแยกในชาติลึกซึ้งรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อนมาจนทุกวันนี้ เพราะพรรคเพื่อแม้วโดยเนื้อแท้แล้วเป็นบริษัทธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่ สส.เป็นเพียงพนักงานบริษัทหากใช่ผู้แทนราษฎร โดยต้องอยู่ภายใต้อำนาจและทำตามคำสั่งของนายใหญ่เจ้าของบริษัท
ซึ่งเป็นนักธุรกิจการเมืองเพียงคนเดียวที่ใช้ทุนและผลประโยชน์ทุกรูปแบบซื้อพรรค ซื้อสส. ซื้อเสียง ซื้อประชาธิปไตย ซื้อประเทศซึ่งเมื่อได้อำนาจรัฐก็จะโกงชาติปล้นแผ่นดินถอนทุนบวกกำไรมหาศาล ซึ่งพรรคเพื่อแม้วหลังได้อำนาจรัฐมีความทะเยอทะยานและใช้อำนาจตามอำเภอใจหวังผูกขาดอำนาจผลประโยชน์ยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในระยะยาว ซึ่งนั่นคือต้นเหตุ
จุดเริ่มต้นที่ทำให้มวลมหาประชาชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือม็อบเสื้อเหลืองออกมาแสดงพลังขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อแม้วขณะนั้นจนนำไปสู่การรัฐประหารเมื่อปี 2549 ด้วยสาเหตุสำคัญคือ รัฐบาลพรรคเพื่อแม้วทุจริตคอร์รัปชั่นมโหฬาร
อย่างย่ามใจ พยายามแทรกแซงองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อผูกขาดอำนาจและปกปิดป้องกันตัวเองจากความชั่วร้ายที่กระทำไว้จนสร้างความแตกแยกในชาติรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน และที่สำคัญมีการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงอย่างเหิมเกริม

หลังถูกรัฐประหารเมื่อปี 2549 และมีรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ ขบวนการเพื่อแม้วพยายามสร้างสถานการณ์จัดตั้งมวลชนเสื้อแดงก่อจลาจลทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจาหวังช่วงชิงอำนาจรัฐกลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้งเมื่อปี 2552 แต่ประสบความล้มเหลว จึงอาศัยม็อบเสื้อแดงและกองกำลังติดอาวุธใต้ดินสร้างสถานการณ์ก่อวินาศกรรมแทบรายวันและนำไปสู่เหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553

ส่วนการรัฐประหารรัฐบาลเพื่อแม้วครั้งที่สองในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์โดยคสช. มีจุดเริ่มต้นจากการที่รัฐบาล “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” เหลิงในอำนาจเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมถึงกับลักไก่หักดิบผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยที่มีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งฟอกโทษความผิดทั้งหมดให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกคดีทุจริต และเหล่าแกนนำเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองปี 2553 จนเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนจำนวนหลายล้านคนออกมาแสดงพลังต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จนเกิดการปราบปรามนองเลือดและมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ ขณะที่
ประเทศอยู่ในภาวะรัฐล้มเหลวสิ้นเชิงทำให้คสช.ต้องเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

เพราะฉะนั้นการที่บ้านเมืองขัดแย้งอย่างลึกซึ้งมาจนถึงทุกวันนี้จุดเริ่มต้นสำคัญจึงอยู่ที่ความเป็นพรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมของขบวนการเพื่อแม้วที่หลงระเริงในอำนาจและทำสิ่งชั่วร้าย ซึ่งหากพรรคเพื่อแม้วเป็นพรรคในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่โกงบ้านกินเมือง ไม่ส่อเป็นภัยต่อสถาบันเบื้องสูงและทะเยอทะยานคิดยึดครองประเทศก็คงไม่มีมวลมหาประชาชนมากมายมหาศาลออกมาต่อต้านจนกลายเป็นความแตกแยกลึกซึ้งเช่นทุกวันนี้

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment