ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/256095
วันเสาร์ ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 02.00 น.
ถือเป็นความปรารถนาดีสำหรับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และรัฐบาลที่พยายามจะเดินหน้าสร้างความปรองดองให้สำเร็จเสียทีหลังจากที่ความแตกแยกในชาติตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา จนนำไปสู่วิกฤติความรุนแรงได้บ่อนทำลายชาติจนบอบช้ำอย่างหนัก ทำให้เสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้คสช.จะทุ่มเทใช้อำนาจแกมบังคับให้เกิดความสมานฉันท์ด้วยการให้คู่กรณีทุกฝ่ายลงนามในสัญญาประชาคมหรือเอ็มโอยู แต่นั่นก็เป็นเพียงพิธีกรรมไม่ได้เป็นหลักประกันอะไรได้เลยว่าหลังเซ็นเอ็มโอยูแล้วความปรองดองจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง
ล่าสุดคณะกรรมการสร้างความปรองดอง ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง เป็นหัวเรือใหญ่ ทุ่มสุดตัวระดมสรรพกำลัง โดยอาศัยกองทัพและอำนาจรัฐทั้งหมด ผลักดันให้การสร้างความปรองดองสำเร็จภายใน 3 เดือน โดยมีการเชิญบุคคลสำคัญมากมายจากทุกภาคส่วนทั้งประเทศ ร่วมให้ข้อเสนอแนะเพื่อสร้างความปรองดอง อาทิ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ดร.สุจิต บุญบงการ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตรองนายกฯและอดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังค์ถัด แต่ในที่สุดแล้วแนวทางสร้างความปรองดองก็คงหนีไม่พ้นวนเวียนอยู่ในผลสรุปการศึกษาของคณะกรรมการสร้างความปรองดองในอดีตราว 10 คณะ
สำหรับประเด็นการหารือของทุกฝ่ายเพื่อสร้างความปรองดองมีการวางกรอบไว้ 10 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ด้านการเมือง คือ การแก้ปัญหาโดยสันติทั้งก่อน ระหว่างและหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมีขึ้น 2.ความเหลื่อมล้ำ เช่น การครอบครองที่ดินทำกินของเกษตรกร การเข้าถึงแหล่งน้ำ มักจะถูกยกมาเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้งอย่างกว้างขวางซึ่งจะต้องมีการพูดถึงแนวทางแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ 3.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงต่อการขยายไปสู่ความขัดแย้ง 4. แนวทางเสริมสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมต่อประเด็นความแตกต่างทางสังคม ความเชื่อ ศาสนา วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การศึกษาและสาธารณสุข 5.แนวทางในการไม่ให้สื่อเป็นเครื่องมือสร้างความขัดแย้ง
6.แนวทางที่จะทำให้การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาทิ ความขัดแย้งเรื่องพลังงาน การก่อสร้างโรงไฟฟ้า ไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาสร้างความขัดแย้งในสังคม 7.แนวคิดที่จะดำเนินการต่อประเด็นการนำปัญหากิจการภายในประเทศมายกระดับให้เป็นปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ 8.แนวคิดป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อไม่ให้เป็นสาเหตุนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคมไทย 9.แนวทางการปฏิรูปประเทศเพื่อให้เกิดความปรองดอง และ 10.การยอมรับและร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังย้ำกรอบแนวทางสร้างความปรองดองที่เป็นจุดยืนชัดเจนของคสช.และรัฐบาลก็คือ ต้องยึดหลักกฎหมายและไม่มีการพูดถึงเรื่องการนิรโทษกรรม แต่ก็ไม่ปฏิเสธแนวทางถอยคนละก้าวนั่นคือ คู่ขัดแย้งที่ทำผิดกฎหมายต้องยอมรับผิดและรับโทษ จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการลดหย่อนผ่อนโทษ
กรอบทั้ง 10 ประการ รวมทั้งจุดยืนของรัฐบาลที่ว่าจะไม่มีการทำลายหลักนิติรัฐและไม่มีการนิรโทษกรรมดูดี แต่ในทางปฏิบัตินั้นจะเป็นจริงหรือไม่ โดยเฉพาะจากท่าทีของขบวนการเพื่อแม้วที่ก่อนหน้านี้ส่งสัญญาณตั้งแง่ชัดเจนว่า หากจะปรองดองต้องมีการนิรโทษกรรมแบบสุดซอยทุกคนทุกคดีเท่านั้น ซึ่งนั่นส่อเจตนาแอบแฝงว่าจะต้องมีการลบล้างโทษความผิดคดีทุจริตตามคำพิพากษาของศาลให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก และอาจรวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ผู้เป็นน้องสาว และพวกที่เป็นจำเลยคนสำคัญคดีโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
นอกจากนี้ขบวนการเพื่อแม้วยังตั้งแง่ตีรวน โดยก่อนหน้านี้ ออกแถลงการณ์ชี้ว่า คสช.ถือเป็นหนึ่งในคู่ขัดแย้ง เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นกลางหากจะมีบทบาทเป็นเจ้าภาพในการสร้างความปรองดอง
ขณะเดียวกันทุกวันนี้เครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วยังคงออกมาเคลื่อนไหวหาเรื่องตีรวนป่วนเมือง บ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลแบบรายวัน
เพราะฉะนั้นการที่เครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วตั้งแง่ตั้งแต่แรกและยังคงเคลื่อนไหวบ่อนทำลายประเทศและที่สำคัญคือบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง ทำให้แนวโน้มการปรองดองกับขบวนการเพื่อแม้วคงยากที่จะเป็นจริง
ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศแม้จะมีความเห็นต่างแต่ก็ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นแตกแยก ประชาชนส่วนใหญ่จึงไม่มีปัญหาเรื่องการสร้างความปรองดองโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้บรรยากาศที่คนไทยทั้งประเทศมุ่งรู้รักสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพ่อแห่งแผ่นดิน ขณะที่มีนิมิตหมายที่ดีเมื่อมีการโปรดเกล้าฯสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่แล้ว
ปัญหาความแตกแยกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีต้นตอสำคัญจากโจรธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมเพียงหยิบมือเดียวที่ใช้ทุนและประโยชน์ทุกรูปแบบซื้อ สส. ซื้อเสียงเอาชนะการเลือกตั้งไม่ต่างจากการซื้อประชาธิปไตย ซื้อประเทศเพื่อให้ได้อำนาจรัฐเป็นรัฐบาล จากนั้นถอนทุนบวกกำไรโกงชาติปล้นแผ่นดินมหาศาล และใช้อำนาจทำสิ่งชั่วร้ายอย่างย่ามใจ โดยพยายามแทรกแซงองค์กรอิสระผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศในระยะยาว แม้กระทั่งปล่อยให้มีขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงคิดเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศ
การที่จะให้กลุ่มโจรธุรกิจการเมืองแค่หยิบมือเดียวสำนึกกลับใจเข้าร่วมการสร้างความปรองดองคงเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะธาตุแท้ของโจรการเมืองยังไงก็ไม่มีทางเลิกสันดานคิดที่จะทำชั่วแบบไม่มีอะไรที่จะเสียอีกแล้ว เพราะฉะนั้นการสร้างความปรองดองที่แท้จริงต้องขจัดต้นตอแห่งความแตกแยกนั่นคือสกัดกั้นไม่ให้เหล่าโจรธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมเข้ามามีอำนาจยึดครองประเทศตลอดไป เพราะชาติไม่มีเวลาอีกแล้วที่จะกลับไปสู่วังวนของวงจรอุบาทว์อันเลวร้ายและปล่อยให้คนแค่หยิบมือมาเป็นตัวฉุดรั้งการเดินหน้าปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
ทีมข่าวการเมือง
