ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/257064
วันอาทิตย์ ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 02.00 น.
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลแสดงออกถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเดินหน้าสร้างความปรองดองในชาติให้สำเร็จในยุคนี้หลังจากที่เกิดความแตกแยกมานานกว่า 10 ปี จนสร้างความบอบช้ำให้กับประเทศอย่างหนัก อย่างไรก็ตามผลสัมฤทธิ์ของแผนสร้างความปรองดองยังเป็นโจทย์ท้าทายคสช.และรัฐบาล
คณะกรรมการสร้างความปรองดองที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง เป็นหัวเรือใหญ่ทุ่มสุดตัวโดยระดมศักยภาพของกองทัพและหน่วยงานรัฐทุกส่วนผลักดันแผนสร้างความปรองดองให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างใน 3 เดือน โดยเชิญบุคคลสำคัญจากทุกภาคส่วนของประเทศร่วมให้ข้อเสนอแนะแนวทางสร้างความปรองดอง อาทิ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตรองนายกฯและอดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนาหรืออังค์ถัด
ขณะเดียวกันมีการวางกรอบการสร้างความปรองดองเพื่อระดมความเห็นใน 10 ประเด็นประกอบด้วย 1.ด้านการเมือง คือการแก้ปัญหาโดยสันติทั้งก่อน ระหว่างและหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมีขึ้น 2.ความเหลื่อมล้ำ เช่น การครอบครองที่ดินทำกินของเกษตรกร การเข้าถึงแหล่งน้ำ มักจะถูกยกมาเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้งอย่างกว้างขวางซึ่งจะต้องมีการพูดถึงแนวทางแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ 3.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงต่อการขยายไปสู่ความขัดแย้ง 4.แนวทางเสริมสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมต่อประเด็นความแตกต่างทางสังคม ความเชื่อ ศาสนา วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การศึกษาและสาธารณสุข 5.แนวทางในการไม่ให้สื่อเป็นเครื่องมือสร้างความขัดแย้ง
6.แนวทางที่จะทำให้การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาทิ ความขัดแย้งเรื่องพลังงาน การก่อสร้างโรงไฟฟ้า ไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาสร้างความขัดแย้งในสังคม 7.แนวคิดที่จะดำเนินการต่อประเด็นการนำปัญหากิจการภายในประเทศมายกระดับให้เป็นปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ 8.แนวคิดป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อไม่ให้เป็นสาเหตุนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคมไทย 9.แนวทางการปฏิรูปประเทศเพื่อให้เกิดความปรองดอง และ 10.การยอมรับและร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน
นอกจากกรอบเพื่อสร้างความปรองดอง 10 ประการ คสช.และรัฐบาลยังแสดงจุดยืนชัดเจนว่า ความปรองดองต้องเกิดจากความจริงใจต่อชาติบ้านเมืองและไม่ตั้งแง่ต่อรอง โดยจะต้องไม่พูดถึงเรื่องการนิรโทษกรรมหรือฟอกโทษความผิดให้ใครอันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ แต่ก็เปิดทางสร้างความปรองดองสูตรถอยคนละก้าวโดยคู่ขัดแย้งที่กระทำผิดกฎหมายต้องยอมรับโทษความผิด จากนั้นจึงมีการออกกฎหมายลดหย่อนผ่อนโทษ
อย่างไรก็ตามแม้คสช.และรัฐบาลจะเสนอการปรองดองสูตรถอยคนละก้าว แต่โจทย์ที่เป็นปัญหาท้าทายก็คือจุดยืนของระบอบทักษิณที่แสดงท่าทีตั้งแง่และส่งสัญญาณต้องการให้มีการนิรโทษกรรมแบบสุดซอยต่อทุกคนทุกคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งนั่นส่อเจตนาแอบแฝงว่าต้องการลบล้างโทษความผิดคดีทุจริตตามคำพิพากษาของศาลให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก และอาจรวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ผู้เป็นน้องสาวและพวกที่เป็นจำเลยคนสำคัญคดีโครงการรับจำนำข้าว
นอกจากนี้ขบวนการระบอบทักษิณยังคงออกมาเคลื่อนไหวหาเรื่องตีรวนป่วนเมืองบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลแบบรายวัน และที่สำคัญยังมีการเคลื่อนไหวบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงทำให้แนวโน้มการปรองดองกับขบวนการระบอบทักษิณคงยากที่จะเป็นจริง
ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศแม้จะมีความเห็นต่างแต่ก็ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นแตกแยก ประชาชนส่วนใหญ่จึงไม่มีปัญหาเรื่องการสร้างความปรองดองโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้บรรยากาศที่คนไทยทั้งประเทศมุ่งรู้รักสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพ่อแห่งแผ่นดิน ขณะที่มีนิมิตหมายที่ดีสำหรับประเทศเมื่อมีการโปรดเกล้าฯสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่แล้ว
ปัญหาความแตกแยกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีต้นตอสำคัญจากกลุ่มโจรธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมเพียงหยิบมือเดียวที่ใช้ทุนและผลประโยชน์ทุกรูปแบบซื้อ สส. ซื้อเสียงเอาชนะการเลือกตั้งไม่ต่างจากการซื้อประชาธิปไตย ซื้อประเทศเพื่อให้ได้อำนาจรัฐเป็นรัฐบาล จากนั้นถอนทุนบวกกำไรโกงชาติปล้นแผ่นดินมหาศาล และใช้อำนาจทำสิ่งชั่วร้ายอย่างย่ามใจ โดยพยายามแทรกแซงองค์กรอิสระผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศในระยะยาว แม้กระทั่งคิดบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงหวังเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศ
เพราะฉะนั้นการสร้างความปรองดองที่แท้จริงต้องคำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ของประเทศโดยไม่ควรเสียเวลาไปกับเหล่าโจรธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่เป็นคนแค่หยิบมือเดียวที่เป็นตัวฉุดรั้งการเดินหน้าปฏิรูปประเทศไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงและยั่งยืน และเพื่อไม่ให้ประเทศกลับไปสู่วังวนของวงจรอุบาทว์อันเลวร้ายอีก
ทีมข่าวการเมือง
