ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/255035
วันศุกร์ ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 02.00 น.
นับเป็นเรื่องไม่ปกติที่จู่ๆ เว็บไซต์วอชิงตันโพสต์สื่อดังของมะกันอันตรายเผยแพร่รายงานบทวิเคราะห์ว่าไทยเป็นประเทศอันดับ 2 ของโลก ที่เสี่ยงจะเกิดการรัฐประหารในปี 2560 นี้
ที่ผ่านมาสื่อตะวันตกมุ่งโจมตีบ่อนทำลายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลมาตลอดอย่างมีเบื้องหลังทางการเมืองและผลประโยชน์แอบแฝงนับตั้งแต่มีการยึดอำนาจโดยคสช.เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 โดยเชื่อว่าซีไอเออยู่เบื้องหลังแผนบ่อนทำลายคสช.และหนุนหลังขบวนการเพื่อแม้วหวังให้กลับมามีอำนาจอีกครั้งเพื่อเป็นทาสรับใช้ของมะกันอันตราย
สื่อดังอย่างวอชิงตันโพสต์ใครอย่างคิดว่ามีจรรยาบรรณเพราะเบื้องหลังอาจซ่อนไว้ด้วยความสกปรกโสมมเป็นแค่กระบอกเสียงโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มทรงอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังอำนาจที่แท้จริงของมะกันอันตราย
ตามรายงานวิเคราะห์แบบนั่งเทียนของวอชิงตันโพสต์ อ้างว่า ประเทศที่เสี่ยงจะเกิดการรัฐประหารมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก คือ ประเทศบุรุนดี ในทวีปแอฟริกา ตามด้วยไทยเป็นอันดับ 2 ซึ่งการประเมินของวอชิงตันโพสต์อาศัยสถิติและการประเมินความเป็นไปได้ ซึ่งสะท้อนถึงความไม่น่าเชื่อถือ แต่ที่สำคัญกว่าก็คือเป้าหมายแอบแฝงที่ส่อเจตนามุ่งบ่อนทำลายรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญเพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศ และกำลังจะมีการเลือกตั้ง ขณะที่ขบวนการระบอบแม้วกำลังใกล้จนแต้ม
ทั้งนี้ข้อน่าสังเกตก็คือ วอชิงตันโพสต์ออกมาสร้างข่าวฮือฮาในขณะที่รัฐบาลคสช.กำลังถูกบ่อนทำลายภาพพจน์โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐที่อยู่ๆ ก็ออกมาเปิดโปงกรณีสินบนอื้อฉาวของไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ก็สั่นคลอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลปัจจุบันหากไม่สามารถนำตัวขบวนการทุจริตรับสินบนมาลงโทษได้
จากพฤติการณ์ที่น่าสงสัยว่าจะมีเป้าหมายแอบแฝงของวอชิงตันโพสต์ ทำให้ พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ทีมโฆษกคสช. ออกมาตอบโต้ตอกหน้าวอชิงโพสต์ ว่า รายงานบทวิเคราะห์ดังกล่าวเป็นเพียงการคาดการณ์ด้วยข้อมูลสถิติซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงการรัฐประหารไม่สามารถคำนวณด้วยค่าสถิติตัวเลข แต่การรัฐประหารแต่ละครั้งล้วนเกิดจากเงื่อนไขความจำเป็นและสภาวะแวดล้อมที่สุกงอมของสถานการณ์แล้วเท่านั้น
พ.อ.ปิยพงศ์ อธิบายอีกว่า หากจะยึดผลวิเคราะห์ตามข้อมูลสถิติของวอชิงตันโพสต์ ก็จะเห็นได้ว่าไทยมีความเสี่ยงในการเกิดรัฐประหารแค่ 11 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น นั่นย่อมหมายความว่าโอกาสที่ไทยจะไม่เกิดการรัฐประหารมีสูงถึง 89 เปอร์เซ็นต์
ขณะเดียวกันทีมโฆษกคสช.ก็ย้อนวอชิงตันโพสต์อย่างเจ็บแสบว่า “ค่าความน่าจะเป็นในการที่จะเกิดการรัฐประหารเป็นไปได้ยากมาก จึงไม่มีอะไรที่จะต้องวิตกกังวลไปตามบทวิเคราะห์แม้แต่น้อย และตราบใดก็ตามที่รัฐบาลยังคงทำประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชนจนได้รับความนิยมอยู่ในระดับสูงเหมือนดังเช่นรัฐบาลปัจจุบัน ฉะนั้นการทำรัฐประหารโดยที่ประชาชน
ไม่ยอมรับจึงไม่น่าจะเกิดขึ้น ข้อน่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือบทวิเคราะห์ของสื่อต่างชาติดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการรัฐประหารในประเทศของตัวเองแต่อย่างใด”
ทั้งนี้มะกันอันตรายเองขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะระส่ำระสายอย่างหนักแทบจะลุกเป็นไฟหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดซึ่ง มหาเศรษฐีโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งได้ขึ้นเป็นผู้นำหมายเลข 1 ของมะกันอันตรายจนมหาชนจำนวนมากเกิดการประท้วงต่อต้านถึงขั้นก่อจลาจลในหลายเมืองก่อนหน้านี้ แม้จนขณะนี้กระแสต่อต้าน ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้นทุกขณะจนหน่วยข่าวกรองเศรษฐศาสตร์ (EconomicIntelligence Unit (EIU) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนิตยสารดีอีโคโนมิสต์ ในอังกฤษ รายงานว่า มะกันอันตรายลดระดับจากประเทศประชาธิปไตยสมบูรณ์เป็นประเทศประชาธิปไตยบกพร่อง เพราะประชาชนขาดความเชื่อมั่นพรรคการเมืองและนักการเมือง ศาลและกระบวนการยุติธรรมแทรกแซงได้ สื่อมวลชนและภาคประชาสังคมไม่เป็นอิสระอย่างแท้จริง นักการเมืองไม่โปร่งใสทรัมป์ ได้ประโยชน์จากผลที่ประชาชนไม่เชื่อมั่นรัฐบาลและนักการเมืองแบบเก่า แต่ ทรัมป์ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาประชาธิปไตยบกพร่องในระยะยาวได้
แต่ที่ตอกหน้ามะกันอันตรายอย่างแรงยิ่งกว่าก็คือผลสำรวจทัศนะชาวอเมริกันโดยสำนักวิจัย “YouGov”ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีมะกันอันตรายครั้งล่าสุดพบว่า ชาวอเมริกันราว 29% หรือ 1 ใน 3 พร้อมจะให้การสนับสนุนหากกองทัพก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาซึ่งนับเป็นข้อมูลที่สร้างความตื่นตะลึงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนและสวนทางกับจุดยืนของมหาอำนาจสหรัฐที่เที่ยวแทรกแซงกิจการภายในประเทศต่างๆ ที่มีการรัฐประหาร
ผลสำรวจยังสะท้อนว่าชาวอเมริกันสนับสนุนพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านถึง 43% พร้อมทั้งสนับสนุนเต็มที่หากกองทัพจะยึดอำนาจจากรัฐบาลโอบามา และแม้แต่กลุ่มตัวอย่างที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตที่ประธานาธิบดีโอบามาสังกัดอยู่จำนวน 20% ก็สนับสนุนการรัฐประหารโดยกองทัพ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่มีจุดยืนทางการเมืองเป็นอิสระ 29% ระบุจะสนับสนุนหากมีการทำรัฐประหาร
นอกจากนี้สำนักวิจัยอีกแห่งหนึ่งคือ“แกลลัปโพลล์”ชี้ว่า ชาวอเมริกันเพียง 26% ที่พอใจต่อความเป็นไปต่างๆ ของประเทศทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ลดลงจาก 30% ในการสำรวจครั้งก่อนเมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้ว
ผลสำรวจของโพลล์ทั้งสองสำนักดังกล่าวสะท้อนเห็นว่า ประชาธิปไตยและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับการแก้ปัญหาในแต่ละประเทศเสมอไป
เพราะฉะนั้นวอชิงตันโพสต์ควรกลับไปส่องกระจกดูประเทศของตัวเองแทนที่จะเที่ยวบ่อนทำลายประเทศอื่น ขณะที่คนไทยต้องรู้เท่าทันอย่าคิดว่าสื่อดังชาติตะวันตกจะมีจรรยาบรรณและคุณภาพเสมอไป เพราะสื่อตะวันตกหลายสำนักเป็นซาตานในคราบสื่อที่ทำตัวเป็นกระบอกเสียงผีโม่งแป้งรับใช้กลุ่มอิทธิพลทางการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ และซ่อนไว้ด้วยความสกปรกโสมมพร้อมที่จะบิดเบือนป้ายสีบ่อนทำลายประเทศอื่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแอบแฝงอันชั่วร้าย
ทีมข่าวการเมือง
