เอาจริงยึดทรัพย์แก๊งจีทูจี สร้างบรรทัดฐานปราบโกง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/256286

วันจันทร์ ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 02.00 น.

กรรมจากคดีโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มูลค่าหลายแสนล้านบาทเริ่มนับถอยตามเช็คบิลผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งทางอาญาและทางแพ่งชัดเจนมากขี้นเรื่อยๆ

ในทางอาญา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด และพวกจนใกล้ถึงบทสรุปเข้าไปทุกขณะ โดยเฉพาะคดีที่ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในข้อหากระทำผิดต่อหน้าที่ปล่อยให้เกิดมหกรรมโครงการรับจำนำข้าวและสร้างความเสียหายแก่ประเทศอย่างร้ายแรงทั้งๆที่หลายฝ่ายเตือน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับเมินและยืนกรานดันทุรังเดินหน้าโครงการ โดยขณะนี้การไต่สวนของศาลทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยใกล้จะเสร็จสิ้น โดยคาดว่าจะมีการปิดคดีได้ในราวเดือนก.ค.นี้ และคาดว่าศาลจะนัดอ่านผลการตัดสินคดีชี้ชะตา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าจะเป็นนายกฯหญิงคนแรกที่ต้องติดคุกหรือไม่คงไม่เกินเดือนก.ย.ปีนี้

ส่วนทางการแพ่งการฟ้องทางละเมิดเพื่อให้จำเลยชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินล่าสุด น.ส.รื่นฤดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวถึงขั้นตอนต่างๆ ในการยึดทรัพย์จำเลยในคดีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เก๊ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ภายหลังศาลปกครองมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับคดีทางปกครองของกลุ่มจำเลยรวม 6 คน นำโดย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์

คำแถลงของอธิบดีกรมบังคับคดีและอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศคงทำให้สังคมสบายใจและมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าการดำเนินการยึดทรัพย์จะไม่มีการซื้อเวลาดึงเกมหรือเป็นมวยล้มต้มคนดู

โดยอธิบดีกรมบังคับคดีหญิงเหล็กยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งระหว่างกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงพาณิชย์จนเป็นเหตุให้การยึดทรัพย์ล่าช้าแต่อย่างใด โดยทุกอย่างต้องทำตามขั้นตอนแลระเบียบปฏิบัติของกฎหมาย โดยเมื่อกรมการค้าต่างประเทศซึ่งเป็นผู้เสียหายคดีนี้ส่งเอกสารคำร้องมายังกรมบังคับคดี กรมบังคับคดีก็จะดำเนินการตามขั้นตอนการยึดทรัพย์ได้อย่างรวดเร็วต่อไป

ขณะที่อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศหญิงเหล็กเช่นกัน ยืนยันว่ากรมการค้าต่างประเทศจะส่งเอกสารคำร้องไปยังกรมบังคับคดีภายในวันที่ 14 ก.พ.นี้ โดยที่น่าชื่นชมก็คือคำพูดที่ว่า จะทำให้ดีที่สุดเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ

สำหรับจำเลยคดีขายข้าวจีทูจียุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ทั้ง 6 คน ประกอบด้วย 1.นายบุญทรง ที่ถูกฟ้องชดใช้ค่าเสียหายให้รัฐ 1,770 ล้านบาท 2.นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ 2,300 ล้านบาท 3. พ.ต.ท.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ 4.นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 5.นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ6.นายอัฐฐิติพงศ์ หรือ อัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือช่วยเกลี้ยง อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่าวประเทศ โดย 4 คนหลังต้องชดใช้คนละ 4,000 ล้านบาท

ตัวเลขการฟ้องให้ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินดังกล่าวเป็นเพียงส่วนเดียวจากหลายคดีที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมทยอยส่งฟ้องเอาผิดกับขบวนการทั้งหมด

ขณะที่ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงข้อวิตกที่ว่าเหล่าจำเลยที่ถูกฟ้องยึดทรัพย์อาจมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินว่า แม้จะมีการยักย้ายทรัพย์สินไปไว้ในต่างประเทศก็มีวิธีการที่จะนำทรัพย์สินกลับมาได้ และขอยืนยันว่าคดีนี้จะไม่มีการยื้อเรื่อยเปื่อยแน่นอนโดยที่ผ่านมามีสายลับมารายงานความคืบหน้าของคดีอยู่ตลอดเวลา

ความเป็นมาในคดีขายข้าวจีทูจีลวงโลกยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้นมีหลักฐานชัดเจนว่า มีการอุปโลกน์จัดฉากมหกรรมโกงโดยอาศัยโครงการรับจำนำข้าวเป็นเครื่องมือบังหน้า โดยสร้างเรื่องเท็จว่ามีการระบายข้าวขายให้รัฐบาลจีน แต่ภายหลังมีการตรวจสอบพบว่าไม่มีการขายข้าวแบบจีทูจีจริงแต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่สวมรอยนำโควตาตัวเลขข้าวที่อ้างว่าขายแบบจีทูจีมาเวียนเทียนขายภายในประเทศนี่เองเพื่อฟันส่วนต่างกำไรจากโครงการรับจำนำข้าว

คดีนี้ยังเกี่ยวข้องกับ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” นักธุรกิจพ่อค้าข้าวซึ่งมีความใกล้ชิดกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก โดยปัจจุบัน “เสี่ยเปี๋ยง”ใช้กรรมอยู่ในคุกเนื่องจากพัวพันการทุจริตหลายคดี

นอกจากนี้ ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ทั้งๆ ที่เกิดข่าวอื้อฉาวเรื่องขายข้าวจีทูจี แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับยืนกรานว่ามีการขายข้าวจีทูจีกับรัฐบาลจีนจริง ขณะที่รัฐบาลยืนยันไม่เคยซื้อข้าวจีทูจีจากไทยยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์อันสะท้อนถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการรับจำนำข้าวยุค“ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ”

จากการฟ้องทางแพ่งเพื่อให้ขบวนการจีทูจีชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินดังกล่าวสังคมกำลังจับตาและหวังว่าจะเห็นการลงโทษขบวนการโกงชาติปล้นแผ่นดินภายในยุคคสช. เพื่อสร้างบรรทัดฐานว่าพวกโกงชาติจะต้องไม่มีที่ยืนในสังคมและพิสูจน์ว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไม่ว่าจะมีอิทธิพลยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม เพราะหากล่าช้าจนมีรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพรรคเพื่อแม้วกลับมามีอำนาจเป็นรัฐบาลเชื่อได้เลยว่า คดีโครงการรับจำนำข้าวถูกแช่แข็งหรือฟอกจากดำเป็นขาวแน่นอน

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment