คลังเฉื่อยทำรัฐคสช.เสียคน หวิดวืดเก็บภาษีหุ้นชิน1.2หมื่นล.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/260368

วันพุธ ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560, 02.00 น.

นี่ถ้าไม่ใช่เพราะมีกระแสกดดันไล่บี้โดยเฉพาะการออกมาดับเครื่องชนของนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไม่แน่กรณีการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปอเรชั่นมูลค่า 12,000 ล้าน จากคนตระกูลชินซึ่งสมควรเป็นของแผ่นดินอาจวืดจากการที่คดีหมดอายุความในสิ้นเดือนนี้

มหากาพย์คดีซุกส่อเลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ปมูลค่า 12,000 ล้านบาท ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งสรุปความเป็นมาพอสังเขปได้ว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก เมื่อครั้งเรืองอำนาจส่อเจตนาวางแผนเล่นแร่แปรธาตุด้วยการไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแอมเพิลริชที่เกาะฟอกเงินบริติชเวอร์จิ้น แล้วโอนหุ้นชินคอร์ปมูลค่ามหาศาลไปเป็นของบริษัทแอมเพิลริช จากนั้นจัดฉากทำทีขายหุ้นชินคอร์ปจากบริษัทแอมเพิลริชให้กับ นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณ จำนวน 329 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาในตลาดหุ้นละ 49.25 บาท จากนั้นบุตรชายและบุตรสาวทั้งสองที่เป็นนอมินีก็เทขายหุ้นชินคอร์ปลอตประวัติศาสตร์มูลค่า 73,000 ล้านบาท ให้บริษัทเทมาเส็กโฮลดิ้งส์ จำกัด

การเป็นนอมินีขายหุ้นชินคอร์ปของคนตระกูลชินเคยมีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ยึดทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาทของ นายทักษิณ ฐานร่ำรวยผิดปกติโดยระบุชัดเจนตอนหนึ่งว่า หุ้นชินคอร์ปที่ นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ครอบครองอยู่นั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นของ นายทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร (ชินวัตร) ซึ่งต่อมา นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ได้ร้องเรียนขอให้ถอนการอายัดหุ้นชินคอร์ป แต่เนื่องจากเกิดปัญหาข้อกฎหมายว่า หุ้นชินคอร์ปที่บริษัทแอมเพิลริชของ นายทักษิณ ที่ทำทีเป็นขายให้บุตรทั้งสองในราคาแค่หุ้นละ 1 บาทนั้นถูก สตง.ในอดีตทักท้วงว่า จะต้องถูกเก็บภาษีส่วนต่างราคาซื้อขายหุ้นละ 1 บาทกับราคาในตลาดคือหุ้นละ 49.25 บาท ซึ่งถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีคิดเป็นมูลค่าราว 12,000 ล้านบาท แต่สามพ่อลูกตระกูลชินปฏิเสธที่จะจ่ายภาษี ขณะที่กรมสรรพากรภายใต้ยุคระบอบแม้วครองเมืองช่วยเหลือตระกูลชินสุดตัวไม่ให้ต้องเสียภาษีหุ้นชินคอร์ป จนมีการฟ้องร้องและในที่สุดศาลพิพากษาจำคุกอดีตผู้บริหารระดับสูงของกรมสรรพากรคนละ 3 ปีฐานเอื้อประโยชน์ต่อตระกูลชิน และคดีภาษีหุ้นชินคอร์ปยังคาราคาซังมาจนทุกวันนี้อย่างไม่น่าเชื่อ

แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าปัญหาภาษีหุ้นชินคอร์ป 12,000 ล้านบาท ที่ยืดเยื้อมานานจะหมดอายุความในวันที่ 31 มี.ค.นี้อยู่แล้ว แต่กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรยุคคสช.มัวไปทำอะไรอยู่ซ้ำการประชุมผู้บริหารกระทรวงการคลังโดยเฉพาะ นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ออกมายืนยันแบบกระต่ายขาเดียวส่อเจตนาจบเกมปิดทางเก็บภาษีตระกูลชิน โดยอ้างว่า กรมสรรพากรต้องแจ้งเตือนการเก็บภาษีต่อผู้ถือครองหุ้นภายใน 5 ปี ซึ่งครบกำหนดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.2555 ดังนั้นจึงไม่สามารถเรียกเก็บภาษีได้

ทั้งที่ผู้ว่าฯสตง.เคยทักท้วงมาตลอดโดยยืนยันว่า กรมสรรพากรสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 61 ของประมวลรัษฎากรเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปจาก นายทักษิณ และผู้ที่เกี่ยวข้องได้เลยทันทีโดยไม่ต้องออกหมายเรียกอย่างที่อ้างใดๆ ทั้งสิ้น แต่กรมสรรพากรกลับไปพูดเรื่องการออกหมายเรียกภายใน 5 ปีที่หมดอายุไปแล้วและอ้างว่าไม่สามารถขยายเวลาการออกหมายเรียกได้อีก

จากปัญหาที่ส่อเกียร์ว่างปิดทางเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปจากตระกูลชิน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ส่อชิ่งเอาตัวรอดโดยอ้างว่า ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นจากกรมสรรพากร ทั้งๆ ที่การเก็บภาษีชินคอร์ปมูลค่าถึง 12,000 ล้านบาทเป็นเรื่องใหญ่ระดับนโยบาย แต่รัฐมนตรีกลับอ้างว่าไม่รู้เรื่องจนคดีใกล้จะหมดอายุความ

จากปัญหาเผือกร้อนหุ้นชินคอร์ปดีที่ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ไหวตัวจึงเรียกประชุมผู้บริหารหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป 12,000 ล้านบาท โดยล่าสุดมีรายงานข่าวว่าจากผลการประชุมหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องพบช่องทางเก็บภาษีตระกูลชินแล้วโดยอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 820 และ 821 รวมทั้งคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางในอดีต

สำหรับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 820 และ 821 มีเนื้อหาโดยสรุประบุถึงผลผูกพันทางกฎหมายและความรับผิดชอบในกรณีที่มีการถือครองกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินในลักษณะของตัวแทนหรือนอมินี

ส่วนคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางในอดีตที่เคยระบุว่า นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ไม่ใช่เป็นเจ้าของหุ้นตัวจริง แต่เป็นนอมินีของ นายทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ก็สามารถเรียกเก็บภาษีโดยตรงกับ นายทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 820 และ 821 โดยไม่ต้องไปห่วงเรื่องคดีหมดอายุความหรือเรื่องการออกหมายเรียกอีก เพราะที่ผ่านมากรมสรรพากรเคยออกหมายเรียก นายพายทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ไปตรวจสอบแล้ว นั่นเท่ากับว่าทั้งสองซึ่งเป็นนอมินีของ นายทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน รับทราบและเข้าสู่กระบวนการเสียภาษีตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว

จากปัญหาเก็บภาษีหุ้นตระกูลชินที่หวิดจะวืดเพราะคดีหมดอายุความถือเป็นบทเรียนที่สะท้อนว่า ผู้นำรัฐบาลอย่าไว้ใจข้าราชการเป็นอันขาดเพราะหลายรัฐบาลเสียผู้เสียคนมานักต่อนักแล้วเพราะถูกข้าราชการเกียร์ว่างหรือวางยา

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment