งานที่สำคัญกว่าตามจับธัมมชโย ต้องสังคายนาสำนักจานบิน-วงการสงฆ์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/260213

วันอังคาร ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

แม้ว่าด้านหนึ่งฝ่ายรัฐจะล้มเหลวในการล่าตัวธัมมชโย อดีตเจ้าลัทธิธุรกิจขายบุญ แต่อย่างน้อยปฏิบัติการล้างอาณาจักรรัฐอิสระจานบินตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ปีที่แล้ว จากการออกหมายจับธัมมชโยในข้อหาฟอกเงินและรับของโจรฐานพัวพันคดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น แต่อีกด้านหนึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะการดื้อดึงของธัมมชโยทำให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายมาจนปัจจุบันจนธัมมชโยต้องมีคดีเป็นชนักปักหลังนับร้อยคดีและเผยโฉมหน้าธาตุแท้ที่เห็นแก่ตัวของธัมมชโยที่ทำทุกอย่างล้วนเพื่อตัวเอง รวมทั้งเป็นผู้ต้องหาหนีหมายจับที่ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนไม่กล้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรม

ปฏิบัติการ 23 วัน ในการเข้าตรวจค้นสำนักจานบินทำให้เห็นตัวตนของอาณาจักรที่มีพฤติการณ์เป็นรัฐอิสระทำตัวเหิมเกริมอยู่เหนือกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ไม่ยอมรับแม้แต่หมายจับที่ออกโดยศาลและไม่แยแสแม้แต่องค์กรปกครองสงฆ์อย่างชัดเจน โดยเหล่าพระและสาวกลัทธิตลอดจนกองกำลังใต้ดินพยายามขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปกป้องธัมมชโยซึ่งเป็นผู้ต้องหาหนีหมายจับตามคำสั่งของศาล

สำหรับอนาคตของ ธัมมชโย ณ วันนี้ถือว่ามืดสนิทโดยทางโลกถูกออกหมายจับและมีคดีเป็นชนักปักหลังนับไม่ถ้วนจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนซึ่งหากถูกจับตัวได้เมื่อไหร่ก็ถูกจับเข้าคุกเมื่อนั้นซึ่งหมายถึงถูกจับสึกโดยปริยาย ส่วนทางสงฆ์นั้นก่อนหน้านี้ถูกถอดสมณศักดิ์กลายเป็นพระธรรมดา ขณะที่มหาเถรสมาคมมีมติรับเรื่องการสึก ธัมมชโย ไว้พิจารณาและดำเนินการตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่บรรดาแกนนำพระลัทธิต่างถูกดำเนินคดีกันถ้วนหน้าเช่นกันโดยเฉพาะ ทัตตชีโว ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลในสำนักจานบินเทียบเท่า ธัมมชโย ทั้งถูกถอดถอนสมณศักดิ์และหนีหมายจับ ทำให้ขณะนี้ภายในสำนักจานบินบรรดาพระลัทธิต่างอยู่ในภาวะระส่ำระสายเหมือนงูไร้หัว และเริ่มมีความแตกแยกทางความคิดในภาวะวิกฤติศรัทธาใกล้ล่มสลาย

นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) มองว่า การที่แกนนำพระสำนักจานบินยอมฝ่ายเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในวัดแต่โดยดีนับเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ต่ออำนาจรัฐอย่างสิ้นเชิงหลังทำตัวเป็นรัฐอิสระมานาน ซึ่งแม้ผลการตรวจค้นจะไม่พบตัว ธัมมชโยก็ตาม แต่สำนักจานบินก็สิ้นสภาพการเป็นรัฐอิสระที่ก่อนหน้านี้คิดต่อสู้ด้วยการวางแผนยั่วยุให้รัฐติดกับดักเกิดการปะทะจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายหวังใช้เป็นข้ออ้างเครื่องมือทำลายความชอบธรรมของอำนาจรัฐเพื่อต่อรองให้ยุติการดำเนินคดีต่างๆ กับธัมมชโย และสำนักจานบิน

แต่หลังจากที่รัฐเอาจริงจนมีการถอดถอนสมณศักดิ์ของ ธัมมชโย และทัตตชีโว รวมทั้งเสนอเรื่องเข้าสู่การประชุมของมหาเถรสมาคม(มส.)จนมีมติรับพิจารณาเพื่อศึก ธัมมชโย และ ทัตตชีโว ได้สร้างความระส่ำระสายหวาดหวั่นและแตกแยกในหมู่แกนนำ
พระในสำนักจานบินเพราะกลัวการถูกลงโทษจะลามมาถึงตัว ทำให้บรรดาแกนนำพระในสำนักจานบินส่วนใหญ่ยอม
ยกธงขาวให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นแต่โดยดี

“บทสุดท้ายที่เป็นบทอวสานจบสิ้นทุกอย่างของธัมมชโยมาถึงและจบลงแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะกลับมามีอำนาจเหนือวัดพระธรรมกายอีกต่อไป ซึ่งที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ของธัมมชโยเอง ซึ่งหากก่อนหน้านี้ยอมมอบตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแต่แรกอาจจะไม่เห็นบทอวสานของตัวเองเช่นวันนี้”

อย่างไรก็ตาม แม้แนวโน้มของสองผู้ทรงอิทธิพลในสำนักจานบิน คือ ธัมมชโยและทัตตชีโว คงจะถึงบทอวสานต้องหนีคดีไปชั่วชีวิตอันชรา แต่ปัญหาสำคัญยิ่งกว่าก็คือการขุดรากถอนโคนอาณาจักรรัฐอิสระลัทธิธุรกิจขายบุญที่ผิดเพี้ยนจากแนวทางพุทธศาสนาไม่ให้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีก โดยเริ่มจากผู้ที่จะมาเป็นเจ้าอาวาสสำนักจานบินคนใหม่จะต้องเป็นสงฆ์แท้ ซึ่งได้รับการคัดกรองแล้วว่า เคร่งครัดในพระธรรมวินัยและมีประวัติที่ใสสะอาดปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามแนวพุทธศาสนา ขณะเดียวกันสถานะของสำนักจานบินต้องทำวัดให้เป็นวัดไม่ใช่อาณาจักรรัฐอิสระที่อยู่เหนือกฎหมายและซ่อนสิ่งเลวร้ายโดยเฉพาะถูกสงสัยว่า เป็นแหล่งฟอกเงินใหญ่ที่สุดของประเทศและซ่อนขุมทรัพย์จำนวนมหาศาลที่ส่อไปในทางไม่ชอบมาพากลอีกต่อไป

นอกจากนี้จะต้องมีการสะสางพื้นที่ของสำนักจานบินกว่า 2,000 ไร่ ให้ชัดเจนว่าส่วนใดเป็นที่ธรณีสงฆ์ ส่วนใดเป็นของมูลนิธิและส่วนใดเป็นพื้นที่ซึ่งมีที่มาที่ไปส่อไปในทางฟอกเงินเล่นแร่แปรธาตุโดยเป็นกรรมสิทธิ์ของคนบางกลุ่มซึ่งสมควรมีการตรวจสอบเพื่อยึดเป็นของแผ่นดิน

ขณะเดียวกันต้องมีการสังคายนาวงการสงฆ์ทั้งระบบครั้งใหญ่ เพื่อให้ใสสะอาดไม่เป็นพุทธพาณิชย์รวมทั้งการปฏิรูปองค์กรสงฆ์ที่คอยกำกับดูแลพระนอกรีตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้การสังคายนาสำนักจานบินและการปฏิรูปวงการสงฆ์ครั้งใหญ่ทั้งระบบหากจำเป็นต้องใช้ มาตรา 44 ก็ควรจะทำเพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติและเป็นการแก้ปัญหาพุทธศาสนาที่เน่าเฟะเรื้อรังมานานอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment