ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ทีมข่าวการเมือง 27 ม.ค. 2560 05:01
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/844656

ก็น่าจะเข้าเค้าตามตำราหมอดูที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ
และหัวหน้า คสช.ยกมาเอ่ยอ้าง
เริ่มต้นปี 2560 ไม่เท่าไหร่ เรื่องฉาวโฉ่ปมโกงออกมาถี่
ไล่ตั้งแต่บริษัทโรลส์รอยซ์ยอมรับกับสำนักงานการปราบปรามการทุจริตร้ายแรงของสหราชอาณาจักร (เอสเอฟโอ) ว่า ได้จ่ายสินบนเพื่อขายเครื่องยนต์ให้บริษัทการบินไทย และเครื่องจักรให้กับ ปตท.
ตามด้วยบริษัท เจเนอรัล เคเบิล คอร์ปอเรชั่น ยอมรับกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา จ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่ไทย เพื่อขายสายเคเบิลให้หน่วยงานรัฐของไทยคือ กฟภ. กฟน. และทีโอที
2 ดอกฉาวซ้ำ ทำเอาเต้นกันยกแผง
ทั้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ กระทรวงต้นสังกัด ฝ่ายการเมืองที่ถูกข้อมูลร้อนพาดพิง โดยเฉพาะกรณีโรลส์รอยซ์ตั้งแต่ปี 2534–2548 ดาหน้าชี้แจง
เคลียร์คิว “อดีตตามหลอน” กันพัลวัน
และแน่นอนองค์กรตรวจสอบต่างๆรับลูก ขึงขังเงื้อดาบพร้อมเพรียง
แต่เหนืออื่นใด ถึงกรณีเป็นเรื่องเก่าต่อเนื่องจากครั้งอดีตแต่เมื่อปม “สินบนข้ามชาติ” มาเปิดแฉในยุคนี้ “บิ๊กตู่” ก็ลอยตัวแบบสบายตัวไม่ได้เหมือนกัน
“สืบได้หรือไม่ก็ไม่รู้ หลักฐานไม่มี เว้นแต่สอบได้ทางโน้น แต่จะพยายามทำทุกอย่าง”
ถึงออกตัว แต่เมื่อประกาศคิวล้างโกงเป็นอีกโจทย์ใหญ่หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ประกอบกับมี “จุดแข็ง” เรื่องความสุจริต โชว์จุดขาย “ล้างโกง” มาตลอด
จึงเป็นไฟต์บังคับผู้นำอำนาจพิเศษต้องออกแรง
ในจังหวะเดียวกัน องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติเผยดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันปี 2559 จาก 176 ประเทศ พบว่า ประเทศไทยได้คะแนนความโปร่งใส 35 คะแนน ลดลงจาก 38 คะแนนในปี 2558
อันดับความโปร่งใสหล่นจากอันดับ 76 ในปี 2558 มาอยู่ที่อันดับ 101
ไทยแลนด์สอบตก เครดิตร่วงรูด
จากคิวร้อนมาถี่ สะท้อนถึงสถานการณ์ปัญหาการทุจริตที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ปัญหาสินบน คอมมิชชั่น เงินใต้โต๊ะ ค่าน้ำร้อนน้ำชา ค่าดำเนินการ กลายเป็นเรื่องปกติในระบบอุปถัมภ์
จุดเริ่มของการโกง ยังเป็นโจทย์ใหญ่ที่แก้ยาก
แต่อีกมุม ถือเป็นเรื่องดีที่ฝ่ายต่างๆตื่นตัว เรียกร้อง “อำนาจพิเศษ” จริงจังเด็ดขาดคิวนี้
ล่าสุดนายบรรยง พงษ์พานิช อดีตที่ปรึกษานายกฯ ในฐานะกรรมการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เรียกร้องผู้นำให้ใช้อำนาจ ม.44 มอบอำนาจให้ ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานหลัก
สะกิดผู้นำเร่งเคลียร์โจทย์โกงให้รวดเร็ว
อีกทางฝั่งการเมือง ก็เริ่มส่งเสียงเรียกร้อง ดักทางอำนาจพิเศษ ให้ตรวจสอบจริงจัง ไม่ปล่อยให้ซ้ำรอยกรณีต่างๆ ทั้งปมซีทีเอ็กซ์ จีที 200 เรือเหาะ ที่ถึงที่สุดสรุปออกมา “ไม่มีอะไรในกอไผ่”
เรียกร้องไห้อุดช่องโหว่กฎหมาย ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างในหน่วยงานรัฐ กองทัพ ไปจนกระทั่งพาดพิงคิวต่อสัญญา
ยาวศูนย์ประชุมแห่งชาติฯ โยงคอนเน็กชั่นผู้มีอำนาจ ฯลฯ
รวมทั้งเสียงเรียกร้องรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ ที่เคยอยู่ร่วมรัฐบาลที่ถูกพาดพิงปม “สินบนข้ามชาติ”
ขุดข้อมูลอดีต ให้ร่วมแสดงความรับผิดชอบ
จึงเห็นได้ชัด แรงกระแทกเริ่มพุ่งใส่ “จุดแข็ง” อำนาจพิเศษ
และแน่นอนหากโจทย์ “แก้โกง” จั่วลมบ่อยๆ ย่อมกระทบไปถึงการแก้โจทย์อื่นๆที่เริ่มติดเครื่องเดินหน้า ทั้งการปฏิรูป
การทำยุทธศาสตร์ชาติ สร้างความปรองดองสามัคคี
เพราะที่รัฐบาลได้ “ไฟเขียว” คุมเกมบ้านเมือง ส่วนสำคัญก็เพราะประชาชน “เชื่อถือ–เชื่อมั่น”
ฉะนั้นคิวแก้โกง-ล้างทุจริต จึงถือเป็นโจทย์เร่งด่วน เพื่อรักษาเครดิตของผู้นำ.
ทีมข่าวการเมือง