ไฟต์บังคับปรองดอง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ทีมข่าวการเมือง 21 ม.ค. 2560 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/840634

ส่อเค้าเจอแรงเสียดทานเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

โมเดล “ปรองดอง” ในแบบฉบับท็อปบูตที่ขออาสาเป็นเจ้าภาพคลี่คลายความขัดแย้ง ภายใต้การดำเนินงานของ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.)

ทีมงานปฏิรูปสร้างความสมานฉันท์ชุดใหม่ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ลงทุนนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานด้วยตัวเองในทุกชุด

ภายหลัง “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. มีท่าทีเซย์โนข้อเสนอจับคู่ขัดแย้งร่วมลงนามสัตยาบันกรุยทางสู่ความปรองดอง

ตั้งแง่สร้างเงื่อนไขสงบศึกตามที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ผู้กำกับดูแลคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง โยนหินออกมา

เช่นเดียวกับท่าทีจากคนแดนไกล “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่แพลมสัญญาณผ่านคนใกล้ชิด ไม่เชื่อมั่นรัฐบาล คสช.มีความจริงใจสร้างความปรองดอง

ตีความไปถึงขั้นมีเจตนายื้อการเลือกตั้ง

ตามทิศทางที่นายใหญ่ประเมินแล้วว่า ไม่อยู่ในข่ายได้อานิสงส์ล้างผิดจากการสลายขั้วขัดแย้งในเที่ยวนี้

กระตุกอารมณ์ลูกทีมพรรคเพื่อไทย และทีมงาน นปช.ไม่ให้เคลิ้มไปกับแนวทางหย่าศึกเวอร์ชั่นรัฐบาลทหาร

ต้องออกลีลากระแทกแดกดันใส่ทีมงานท็อปบูต ประชดขอทำเอ็มโอยู ห้ามทหารฉีกรัฐธรรมนูญทำรัฐประหารยึดอำนาจ

แม้แต่ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังเด้งเชือก ขอหยั่งเชิงรอดูท่าทีฝ่ายอำนาจพิเศษ ไม่กล้าลงสนามปรองดองเต็มตัว

ตัวแปรสำคัญในโหมดปรองดองจากสองพรรคการเมืองหลัก “เพื่อไทย–ประชาธิปัตย์” และสองกลุ่มการเมืองใหญ่ “นปช.–กปปส.” ยังออกอาการจูนกับกองทัพไม่ลงตัว

ตั้งแง่โครงสร้าง คณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่ฟูลทีมไปด้วยคณะทำงานสีเขียว ส่งผลให้ฝ่ายการเมืองเหมือนตกอยู่ในสภาพถูกมัดมือชก แทบไม่มีอำนาจต่อรองอะไรได้เลย

โบ้ยให้ทหารตกอยู่ในฐานะคู่ขัดแย้งเหมือนกัน โอกาสสร้างความปรองดองคงลำบาก

ยังไม่ทันได้เริ่มต้นจับเข่าคุยกันจริงๆจังๆ ก็ตั้งป้อมแยกเขี้ยวใส่ คสช.แล้ว

นั่นก็เป็นไปตามลีลาธรรมชาติของนักการเมืองที่ต้องยื่นเงื่อนไขต่อรอง เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุดไว้ก่อน

ในสถานะที่คีย์แมนแต่ละขั้วค่ายล้วนมีบาดแผลทางคดีความติดตัวหนักเบา มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป ย่อมถือโอกาสช่วงเจรจาสร้างความปรองดองเป็นข้อต่อรองให้ตัวเองหลุดจากชนัก

สวนทางหลักการคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดองของ “บิ๊กป้อม” ที่พุ่งโฟกัสไปที่การจัดระเบียบนักการเมือง เพื่อให้การเลือกตั้งในอนาคตเกิดความราบรื่น

ตั้งแท่นให้เรื่องคดีความ ต้องว่าไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ปิดทาง “การนิรโทษกรรม” เป็นเส้นทางลัดสร้างความปรองดอง

เล็งตั้งโจทย์หิน 10 ด้าน กวักมือเรียกหัวโจกแต่ละค่ายมาสะท้อนมุมมองแก้ปัญหาด้านการเมือง บริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เศรษฐกิจ สังคม ต่อคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ให้ได้ข้อยุติภายใน 3 เดือน

กลั่นกรองยกร่างเป็นข้อตกลงคืนความสงบสุข ห้ามฝ่ายการเมืองแตกแถวทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง

ให้ยอมรับผลการเลือกตั้ง และเลิกปลุกม็อบออกมาอาละวาดข้างถนนเหมือนที่ผ่านมา

ทหารอาศัยจังหวะสุกงอมทางความขัดแย้ง โหมกระแสสร้างความปรองดอง ยุติความแตกแยกในสังคมที่เรื้อรัง และสร้างความเบื่อหน่ายให้ประชาชนมามากกว่าทศวรรษ

บนรูปการณ์ปัจจุบันที่กองทัพกุมสภาพเป็นต่อ เหนือนักเลือกตั้งแทบทุกประตู ทั้งอำนาจในมือ และกติกาการเมืองฉบับใหม่
ตรงข้ามกับนักการเมืองที่ชาวบ้านเบื่อหน่ายพฤติกรรม นักเลือกตั้งประเมินแล้ว ขืนดื้อแพ่งสู้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะยังต้องก้มต่ำหลีกทางให้กระแส สีเขียวไปอีกพักใหญ่

กลายเป็นไฟต์บังคับให้ทุกสี ทุกค่ายกระโดดร่วมวงปรองดอง.

ทีมข่าวการเมือง

 

Leave a comment