ไม่เสี่ยงตายดาบหน้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ทีมข่าวการเมือง 24 ม.ค. 2560 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/842420

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่เริ่มบันทึก สถานการณ์โลกนับจากนี้ไป

ภายหลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45

เริ่มต้นบทผู้นำเบอร์หนึ่งของโลก พร้อมกับภาพม็อบต่อต้านปรากฏการณ์

“วีเมิน’ ส มาร์ช” ผู้หญิงในสหรัฐฯและทั่วโลกเดินขบวนต่อต้านผู้นำอเมริกัน ที่ถูกจัดอยู่ในอารมณ์ “เกลียดเข้าไส้”

ประเดิมออกตัวด้วยสัญญาณไม่ค่อยสู้ดีซักเท่าไหร่

ตามเค้าลางอย่างที่เสียวๆกับปรากฏการณ์ “ทรัมป์” จะทำให้สั่นสะเทือนไปทั้งโลก

ที่แน่ๆต้องเตรียมตัวรองรับสถานการณ์กันแต่หัววัน ล่าสุดมีโปรแกรมสำคัญที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ นัดประชุมใหญ่ “ทูตพาณิชย์” หรือผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้

วาระสำคัญก็คือ ประเมินผลกระทบภาพปรากฏการณ์ “ทรัมป์” ต่อเนื่องกับสถานการณ์ “เบร็กซิต” ที่อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป

สถานการณ์แบบที่รองนายกฯสมคิดให้นิยามว่า “โลกาภิวัตน์ย้อนกลับ”

สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ชาติมหาอำนาจจะหันกลับไปอยู่ในกระแส “ชาตินิยม” เน้นสภาพความเป็นอยู่ภายในของประชาชนในชาติมาก่อนชาติอื่น

เชิดใส่กลไกเศรษฐกิจแบบพึ่งพาอาศัยกัน หันมาพึ่งพาตัวเอง

ซึ่งก็หนีไม่พ้นกระทบกับวงจรเศรษฐกิจโลก ทั้งการส่งออก การลงทุน การจ้างงาน

ประเทศไหนตั้งรับไม่ทัน อาการสาหัสแน่

และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ในเมืองไทยที่กำลังอยู่ในจังหวะ “เปลี่ยนผ่าน” สำคัญ ภายใต้บรรยากาศอ่อนไหวทั้งในมุมการเมือง ความมั่นคง และเศรษฐกิจ

ตามสภาพการณ์ที่วิกฤติซ้อนวิกฤติได้ตลอดเวลา

นั่นไม่เท่ากับว่า ติดหล่มมานับ 10 ปี ประเทศไทยพลาดตกขบวนไม่ได้อีกแล้ว

ซึ่งก่อนอื่นเลย จำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์เชิงบริหารระบบราชการก่อน

อย่างที่นายสมคิดชงนโยบาย “ผู้ว่าฯพันธุ์ใหม่” โดยเสนอแนวคิดในการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเฉพาะเมืองสำคัญที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ให้เลือกคนหนุ่ม มีวิสัยทัศน์ เพื่อให้ทำงานได้ระยะยาว ส่งผลดีต่อความต่อเนื่องและมั่นคงของนโยบาย เกิดความคล่องตัวในการบริหาร

เอื้อต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ

เบื้องหลังว่ากันว่า เป็นแนวคิดที่ได้เห็นมาจากการบริหารของจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งผู้ว่าการบางมณฑลจะเน้นเลือกใช้คนหนุ่มที่มีความคล่องตัวในเชิงบริหารแบบบูรณาการ

ทำให้การตัดสินใจรวดเร็ว สอดคล้องต่อเนื่องกับนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลกลาง

“สมคิด” คิดในมุมของกัปตันทีมเศรษฐกิจของประเทศที่มีเดิมพันรองรับวิกฤติโลก

แต่ก็หนีไม่พ้นแรงเสียดทาน ยังไม่ทันขยับก็มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวจากนักการเมือง โดยเฉพาะคนยี่ห้อประชาธิปัตย์ที่ลากไปเอี่ยวกับ “ผู้ว่าฯซีอีโอ” ของยี่ห้อ “ทักษิณ”

ขุดผีมาหลอก เพื่อกระตุกแรงต้านตามฟอร์ม

และพูดไปพูดมา คนประชาธิปัตย์ก็เสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง ลากไปเข้าทางนักการเมืองคุมฐานเสียงใหญ่ หนีไม่พ้นได้คนในปีกนักการเมือง

เรื่องของเรื่อง นักเลือกตั้งยังมองไม่พ้นหัวแม่เท้าตัวเอง

แต่บังเอิญว่า วันนี้เครดิตของนักการเมืองยังอยู่ในช่วงติดลบ เสียงไม่ค่อยดัง

ล่าสุดวัดกระแสจาก 2 โพล ที่มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน

“กรุงเทพโพล” ชี้ว่าหากวันนี้มีสิทธิออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 61.8 จะสนับสนุนให้ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ “ซุปเปอร์โพล” ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 67.1 เชื่อมั่นว่ารัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จะทำให้เกิดความปรองดองในชาติได้ และส่วนใหญ่ร้อยละ 68.9 ไม่เชื่อว่านักการเมืองจะจริงใจทำให้เกิดความปรองดอง

โดยร้อยละ 71.8 เห็นว่า ถ้าไม่ปรองดองกันก่อน หลังเลือกตั้งจะขัดแย้งบานปลายเหมือนเดิม

ตามสถิติก็พอตั้งสมมติฐานได้ว่า ถ้าสถานการณ์ยังไว้วางใจไม่ได้ ประชาชนก็ยังอุ่นใจภายใต้การนำทางโดยรัฐบาลทหาร

มากกว่าจะเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้ากับนักการเมือง.

ทีมข่าวการเมือง

 

Leave a comment