ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย สะ-เล-เต 17 ส.ค. 2559 05:01
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/691772

สิ่งแรกที่ อ.ทซึโทมุให้ข้อคิด ต้องเปลี่ยนความคิด จากคิดแค่จะปลูกข้าวให้ได้ผลผลิตมาก…มาเป็นปลูกข้าวคุณภาพ ให้ได้ราคาดีสำคัญกว่า
มิเช่นนั้น ข้าวไทยจะกลายเป็นแค่สินค้าวัตถุดิบราคาถูก
และสิ่งที่จะต้องทำขั้นต่อมา…ต้องสร้างเสถียรภาพด้านการผลิต ให้ผลผลิตแต่ละปีได้ปริมาณข้าวคงที่ ไม่ลดหรือเพิ่มมากไป ทั้งนี้ เพื่อให้ปริมาณการผลิตพอดีกับความต้องการของผู้บริโภค แล้วนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า และทำการตลาดให้เป็น อันเป็นจุดอ่อนของชาวนาบ้านเรา
จะทำอย่างนั้นได้ ระบบชลประทานต้องทั่วถึง ระบบน้ำในนาต้องดี นำน้ำเข้าออกได้ทุกเวลาที่ต้องการ กระบวนการผลิตต้องมีเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาช่วยจะทำให้ต้นทุนต่ำลง ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน รวมถึง การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาผนวกกับภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อีกสิ่งที่ไม่ค่อยพบในสังคมไทย แต่ต้องเปลี่ยนแปลงทำให้ได้ คือ การรู้จักร่วมกันผลิต ร่วมกันแปรรูปและร่วมกันขาย จนกลายเป็นนาแปลงใหญ่ ก้าวสู่สหกรณ์ และบริษัท เพื่อให้เกิด อำนาจต่อรอง และเกิดการร่วมทุน จากเอกชนตามมา สิ่งเหล่านี้จะเกิดได้ ล้วนมาจากรากฐานของการทำระบบสหกรณ์ให้เข้มแข็ง จะมีผลทำให้เกษตรกรสามารถกำหนดราคาได้เอง
และชาวนาไทยต้องเลิกทำตัวอีโก้สูง …เลิกซะทีกับคำว่า เคยทำอย่างนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษไม่เห็นเป็นไร ให้ยอมรับความจริง สภาพแวดล้อมในอดีตกับปัจจุบันต่างกัน ฉะนั้นต้องรู้จักปรับเปลี่ยนตัวเอง
ความจริงแล้วไทยมีข้อได้เปรียบญี่ปุ่นหลายด้าน โดยเฉพาะทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง และวันนี้ยังพอมีเกษตรกรรุ่นใหม่หันมาทำนา…ถ้ารู้จักเริ่มต้นปรับเปลี่ยนวิธีคิดกันตั้งแต่วันนี้ ชาวนารุ่นต่อไปจะกลายเป็นชนชั้นที่มีคนอยากนับถือได้ไม่ยาก จัดเป็นพวกผู้มีอันจะกิน เช่นเดียวกับชาวนาในอีกหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว.
สะ–เล–เต